มิลินทปัญหา วรรคที่เจ็ด

ก่อนหน้า

๑๙. ทุกกรปัญหา ๘๘

พระเถรเจ้าทูลถามว่า ''ขอถวายพระพร พระองค์ทรงทราบอยู่หรือ เดี๋ยวนี้เวลาเท่าไรแล้ว ?''

พระราชาตรัสบอกว่า ''ทราบอยู่ เดี๋ยวนี้ประถมยามล่วงไปแล้วกำลังเป็นมัชฌิมยาม, เจ้าพนักงานตามคบสว่าง และสั่งให้ประโคมแตรสี่ดัน, พวกกข้าราชการจักกลับไปจากพระลาน.''

พวกโยนกอมาตย์กราบทูลว่า ''ขอเดชะ ภิกษุรูปนี้เป็นบัณฑิตแท้.''

พระราชาตรัสตอบว่า ''เออ พนาย พระเถรเจ้าเป็นบัณฑิตแท้, ถ้าอาจารย์จะพึงเป็นเหมือนท่าน และอันเตวาสิกจะพึงเป็นเหมือนเราไมjช้าอันเตวาสิกจะพึงเป็นบัณฑิตรู้ธรรมทั่วถึง.''

พระราชาทรงพระปราโมทย์ด้วยปัญหาพยากรณ์ของพระนาคเสนเถรเจ้าแล้ว ทรงถวายผ้ากัมพลราคาแสนกษาปณ์ให้ครองแล้ว ตรัสปวารณาว่า ''พระผู้เป็นเจ้านาคเสน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าพเจ้าจะแต่งภัตตาหารไว้ถวายพระผู้เป็นเจ้าร้อยแปดภาค และสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่เป็นกัปปิยะอันมีในวังนี้ ข้าพเจ้าปวารณาด้วยสิ่งนั้น.''

ถ. ''อย่าเลย ขอถวายพระพร อาตมภาพพอเลี้ยงชีพได้.''

ร. ''ข้าพเจ้าก็ทราบอยู่ว่า 'พระผู้เป็นเจ้าพอเลี้ยงชีพได้, ก็แต่ขอพระผู้เป็นเจ้าจงรักษาตนด้วย, จงรักษาข้าพเจ้าไว้ด้วย; พระผู้เป็นเจ้าจะรักษาตนอย่างไร: ความครหาของผู้อื่นจะพึงมีมาว่า 'พระนาคเสนกระทำมิลินทราชาให้เลื่อมใสได้แล้ว แต่ก็ไม่ได้อะไรสักหน่อย' ดังนี้, เหตุฉะนั้น ขอพระผู้เป็นเจ้า จงรักษาตนให้พ้นปรัมปวาทอย่างนี้; พระผู้เป็นเจ้าจะรักษาข้าพเจ้าอย่างไร: คำครหาของผู้อื่นจะพึงมีมาว่า 'มิลินทราชาเลื่อมใสแล้ว แต่หากระทำอาการของผู้เลื่อมใสไม่' ดังนี้, เหตุฉะนั้น ขอพระผู้เป็นเจ้าจงรักษาข้าพเจ้าให้พ้นจากปรัปปวาทอย่างนี้.''

ถ. ''ขอถวายพระพร อย่างนั้นเอาเป็นได้กัน.''

ร. ''มีอุปมาว่า ราชสีห์อันเป็นพญาเนื้อ แม้ต้องขังอยู่ในกรงทอง ก็หันหน้าออกอย่างเดียว ฉันใด, ถึงว่าข้าพเจ้าอยู่ครองเรือนก็จริง แต่ก็อยู่หันหน้าออกนอกเป็นนิตย์ ฉันนั้น; ถ้าข้าพเจ้าจะพึงออกบวชบ้าง ก็คงจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน เพราะศัตรูของข้าพเจ้ามีมาก.''

ลำดับนั้น พระนาคเสนผู้มีอายุ ครั้นถวายวิสัชนาปัญหาแก่พระเจ้ามิลินท์เสร็จแล้ว ลุกจากอาสน์กลับไปสู่สังฆาราม. และเมื่อพระเถรเจ้าหลีกไปแล้วไม่ช้า ท้าวเธอทรงพระอนุสรถึงปัญหาที่พระองคํใด้ตรัสถามแล้วเป็นอย่างไร และพระเถรเจ้าถวายวิสัชนาแล้วเป็นอย่างไร. แต่นั้นทรงพระราชดำริเห็นว่า ''พระองค์ตรัสถามชอบแล้วทุกข้อ และพระเถรเจ้าก็ได้ถวายวิสัชนาชอบ แล้วทุกข้อ.'' ฝ่ายพระนาคเสนเถรเจ้า ก็คำนึงถึงและดำริเห็นเหมือนกันเช่นนั้น. ครั้นล่วงราตรีนั้นแล้วถึงเวลาเช้า พระเถรเจ้าครองผ้าตามสมณวัตรแล้ว ถือบาตรจีวรเข้าไปสู่พระราชนิเวศน์แห่งพระเจ้ามิลินท์นั่งบนอาสน์ที่แต่งถวาย.

ขณะนั้น ท้าวเธอถวายนมัสการแก่พระเถรเจ้าแล้ว เสด็จพระประทับ ณ ที่สมควรแห่งหนึ่งแล้ว ตรัสแก่พระเถรเจ้าว่า ''ขอพระผู้เป็นเจ้าอย่าได้ดำริเห็นว่า 'ข้าพเจ้าดีใจว่า ได้ถามปัญหากะพระผู้เป็นเจ้าแล้วนอนหลับตลอดราตรี ซึ่งยังเหลืออยู่นั้น, ขอพระเป็นผู้เจ้าอย่าได้เห็นดังนี้เลย; ข้าพเจ้าได้คำนึงถึง ปัญหาที่ข้าพเจ้าได้ถามเป็นอย่างไร และพระผู้เป็นเจ้าได้วิสัชนาแล้วเป็นอย่างไร ตลอดราตรีซึ่งยังเหลืออยู่นั้น; เห็นว่าข้าพเจ้าได้ถามชอบแล้วทุกข้อ และพระผู้เป็นเจ้าก็ได้วิสัชนาชอบแล้วทุกข้อ.''

แม้พระเถรเจ้าก็ถวายพระพร ว่า ''ขอถวายพระพร ขอพระองค์อย่าได้ทรงพระราชดำริเห็นว่า 'อาตมภาพดีใจว่า ได้ถวายวิสัชนาปัญหาแก่พระองค์แล้ว กระทำราตรีซึ่งยังเหลืออยู่นั้นให้ล่วงไปด้วยความโสมนัสนั้น, ขอพระองค์อย่าได้ทรงเห็นดังนั้นเลย' อาตมภาพก็ได้คำนึงถึงปัญหาที่พระองค์ใด้ตรัสถามเป็นอย่างไร และอาตมภาพได้ถวายวิสัชนาเป็นอย่างไร ตลอดราตรีซึ่งยังเหลืออยู่นั้น; เห็นว่าพระองค์ตรัสถาม ชอบแล้วทุกข้อ และอาตมภาพก็ได้ถวายวิสัชนาชอบแล้วทุกข้อ เหมือนกัน.''

พระมหานาคทั้งสองนั้นต่างอนุโมทนาสุภาสิตของกันและกัน ด้วยประการฉะนี้แล.

ปุจฉาวิสัชนา มิลินทปัญหา จบ.

อ่านต่อ