มิลินทปัญหา วรรคที่เจ็ด

ก่อนหน้า

๑๗. วิญญาณาทินานัตถภาวปัญหา ๘๖

พระราชาตรัสถามว่า ''พระผู้เป็นเจ้า ธรรมเหล่านี้ คือ วิญญาณก็ดี ปัญญาก็ดี เจตภูตก็ดี มีอรรถก็ต่างกันมีพยัญชนะก็ต่างกัน หรือว่ามีอรรถเป็นอันเดียวกัน ต่างแต่พยัญชนะ.''

พระเถรเจ้าถวายวิสัชนาว่า ''ขอถวายพระพร วิญญาณมีอันรู้แจ้งเป็นลักษณะ ปัญญามีอันรู้ทั่วถึงเป็นลักษณะ เจตภูตอันบัณฑิตเข้าไปค้นหาไม่ได้โดยพระปรมัตถ์.''

ร. ''ถ้าว่าเจตภูตอันบัณฑิตเข้าไปค้นหาไม่ได้โดยพระปรมัตถ์, เมื่อเป็นเช่นนี้ ใครเล่าเห็นรูปด้วยนัยน์ตา ฟังเสียงด้วยหู สูบกลิ่นด้วยจมูก ลิ้มรสด้วยลิ้น ต้องโผฏฐัพพะด้วยกาย รู้ธรรมารมณ์ด้วยใจ.''

ถ. ''ขอถวายพระพร ถ้าเจตภูตเห็นรูปด้วยนัยน์ตา ฯลฯ รู้แจ้งธรรมารมณ์ด้วยใจ, เจตภูตนั้น เมื่อทวาร คือ จักษุ โสต ฆาน ชิวหา กาย เพิกถอนขึ้นเสียให้ลิ้นแล้ว จะมิหันหน้าออกภายนอกทางอากาศอันกว้างใหญ่ เห็นรูป ฟังเสียง สูบกลิ่น ลิ้มรส ต้องโผฏฐัพพะ ชัดเจนดีขึ้นกว่าหรือ.''

ร. ''หามิได้.''

ถ. ''ถ้าอย่างนั้น เจตภูตอันบัณฑิตเข้าไปหาไม่ได้โดยพระปรมัตถ์นะซิ ขอถวายพระพร.''

ร. ''พระผู้เป็นเจ้าช่างฉลาดจริง ๆ.''

๑๘. อรูปววัตถภาวทุกกรปัญหา ๘๗

พระเถรเจ้ากล่าวขึ้นว่า ''ขอถวายพระพร พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงกระทำการ ที่กระทำได้ยากนัก.''

พระราชาตรัสถามว่า ''การอะไร พระผู้เป็นเจ้า.''

ถ. ''พระองค์ตรัสจำแนกอรูปธรรม คือ จิตและเจตสิกทั้งหลายเหล่านี้ ที่เป็นไปในอารมณ์อันเดียวกันว่า นี้ผัสสะ นี้เวทนา นี้สัญญา นี้เจตนา นี้จิต ดังนี้.''

ร. ''ขอพระผู้เป็นเจ้าจงอุปมาให้ข้าพเจ้าฟัง.''

ถ. ''ขอถวายพระพร เหมือนอย่างว่า บุรุษผู้หนึ่งหยั่งลงสู่มหาสมุทรด้วยเรือ แล้วกอบเอาน้ำขึ้นมาด้วยอุ้งมือแล้ว ชิมรสด้วยลิ้นแล้ว เขาจะพึงรู้ได้หรือว่า 'นี้น้ำแห่งน้ำแม่คงคา นี้น้ำแห่งแม่น้ำยมุนา นี้น้ำแห่งแม่น้ำอจิรวดี นี้น้ำแห่งแม่น้ำสรภู นี้น้ำแห่งแม่น้ำมหี, ดังนี้ ฉันใด.''

ร. ''ยากที่จะรู้ได้.''

ถ. ''ขอถวายพระพร พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงกระทำการที่กระทำได้ ยากกว่านั้น คือ ตรัสจำแนกอรูปธรรม คือจิตและเจตสิกทั้งหลายเหล่านี้ ที่เป็นไปในอารมณ์อันเดียวกันว่า นี้ผัสสะ ฯลฯ นี้จิต ดังนี้.''

พระราชาทรงอนุโมทนาว่า ''ชอบละ.''

อ่านต่อ