ปลงสังขาร

หลังจากการสวดมนต์ หรือนั่งสมาธิแล้ว ควรระลึกปลงสังขารบทใดบทหนึ่งทุกครั้ง เพื่อความไม่ประมาท เมามัว ละความเป็นตัวตนลงทีละเล็กละน้อย จนจิตเบาและเกิดเป็นกุศล เมื่อค่อยๆ ละตัวตนจนเบาลง ศีลทานจะค่อยๆ เพิ่มพูนโดยธรรมเอง

บทปลงสังขาร ๒

๐ สังขารร่างกาย

อยู่ในโลกนี้

ทรัพย์สินเงินทอง

ไม่ใช่ของท่าน

 

อย่ามัวประมาท

อย่าหลงโลกีย์

โลกนี้แท้จริง

เป็นสิ่งลวงตา

 

สังขารร่างกาย

ก็ตายเป็นผี

เกิดแก่เจ็บตาย

ทุกวันเดินทาง

 

จะห้ามไม่ฟัง

เป็นสิ่งสมมติ

อำนาจใด ๆ

ให้ช่วยเราตอน

 

สังขารเรานี้

มันเป็นสาเหตุ

เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว

หิวอิ่มเกินไป

 

หนาวก็จะตาย

ลำบากแท้ ๆ

ต้องกินต้องถ่าย

ดูน่าสงสาร

 

สังขารร่างกาย

มีของกากเดน

ไหลเข้าไหลออก

ล้วนเป็นสิ่งที่

 

น้ำเลือดน้ำหนอง

ไหลมาเป็นมูล

ข้างนอกเน่าเหม็น

อีกข้างในนั้น

 

สังขารร่างกาย

เกิดมาเป็นคน

ต้องนอนเปลือยกาย

เมื่อเจ้าโดนหาม

 

ผู้ดีเข็ญใจ

อย่าหลงสังขาร

ลูกหลานหญิงชาย

ก็แค่กองฟอน

 

สังขารร่างกาย

ถูกแผ่นดินกลบ

หมู่หนอนชอนไช

เป็นเหยื่อนกกา

 

กระดูกเกลื่อนกลาด

เอ็นเล็กเอ็นใหญ่

ต้องถูกทอดทิ้ง

เป็นป่ารกพง

 

กระทำให้แจ้ง

ให้จิตนี้ปลอด

หยุดความกระหาย

ไม่หลงสังขาร

 

จะได้หยุดเกิด

ตราบใดยังเกิด

รีบภาวนา

ข้ามพ้นมายา

ต้องตายเป็นผี

ไม่มีแก่นสาร

เป็นของสาธารณ์

ลูกหลานต้องลา

 

โอกาสยังมี

จะมีปัญหา

เป็นสิ่งมายา

ใช่ว่าจีรัง

 

อยู่ไม่กี่ปี

ไม่มีความหวัง

ร่างกายผุพัง

สู่ยังกองฟอน

 

จะรั้งไม่หยุด

ตามพุทธะสอน

อย่าไปวิงวอน

ที่วันสิ้นใจ

 

เป็นสิ่งที่สังเวช

สังเกตเอาไว้

ปวดร้าวอาลัย

ก็ไม่อยู่นาน

 

ร้อนไปก็จะแย่

นี่แลสังขาร

ทนไปทุกวัน

คิดกันให้ดี

 

ทั่วไปเน่าเหม็น

มองเห็นทุกที

ย้อนยอกมากมี

มีอยู่ทั่วกัน

 

ล้วนของปฏิกูล

พอกพูนหลายชั้น

มองเห็นทุกวัน

ล้วนขันธ์ไม่งาม

 

ไม่ใช่ตัวตน

ไม่พ้นโดนหาม

ให้ไฟลุกลาม

สู่เชิงตะกอน

 

ก็ตายเหมือนกัน

ปลงกันไว้ก่อน

ส่งได้แน่นอน

แล้วย้อนกลับมา

 

ล้วนตายเป็นศพ

อยู่ในป่าช้า

ตอมไต่กายา

หมูหมาในดง

 

เรี่ยราดทั่วไป

ไร้จุดประสงค์

นอนกลิ้งในดง

เฝ้าดงกันดาร

 

เจาะแทงตลอด

หลุดรอดสังขาร

มุ่งไปนิพพาน

ทั่วกันด้วยเถิด

 

มันไม่ประเสริฐ

อยู่ในสงสาร

เพื่อละอัตตา

ทั่วหน้ากัน เทอญ ฯ