เมณฑกปัญหา วรรคที่สอง
๓. มัจจุภายนปัญหา ๑๓
พระราชาตรัสถามว่า "พระผู้เป็นเจ้า พระพุทธพจน์นี้ อันพระผู้มีพระภาคเจ้า แม้ทรงภาสิตแล้วว่า 'สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ย่อมสะดุ้งต่ออาชญา สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ย่อมกลัวต่อความตาย, ดังนี้. และพระองค์ตรัสแล้วว่า 'พระอรหันต์ก้าวล่วงภัยทั้งปวง แล้ว, ดังนี้อีก. พระอรหันต์ย่อมสะดุ้งแต่อาชญาและภัยหรือ สัตว์ทั้งหลายในนรกที่เสวย ทุกข์อยู่ในนรกมีไฟโพลงแล้ว ร้อนพร้อมแล้ว เมื่อจะเคลื่อนจากนรกใหญ่มีเปลวแห่งไฟ โพลงแล้วนั้น ย่อมกลัวแต่มัจจุด้วยหรือ? ถ้าว่าพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแล้วว่า 'สัตว์ ทั้งหลายทั้งปวง ย่อมสะดุ้งต่ออาชญา สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ย่อมกลัวต่อความตาย, ดังนี้, ถ้าอย่างนั้น คำที่ว่า 'สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงย่อมสะดุ้งต่ออาชญา สัตว์ทั้งหลายทั้ว ปวงย่อมกลัวต่อความตาย, ดังนี้ แม้นั้นก็ผิด. ปัญหาแม้นี้มีเงื่อนสอง มาถึงพระผู้เป็น เจ้าแล้ว, ปัญหานั้นพระผู้เป็นเจ้าจงขยายออกให้แจ้งชัดเถิด."
พระเถรเจ้าทูลว่า "ขอถวายพระพร พระผู้มีพระภาคเจ้ามิได้ทรงมุ่งหมายพระ อรหันต์ทั้งหลายตรัสพระพุทธพจน์นี้ว่า 'สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงย่อมสะดุ้งต่ออาชญา สัตว์หังหลายหังปวงย่อมกสัวต่อความตาย,ดงน์, พระอรหันตอนพระผูมพระภาคเจายกแล้ว ในวัตถุนั้น, เหตุแห่งภัยอันพระอรหันต์เลิกถอนพร้อมแล้ว, สัตว์ทั้งหลายเหล่าใดนั้น เป็นไปกับด้วยกิเลส อนึ่ง สัตว์ทั้งหลายใด มีทิภฺเฐิ,ไปตามซึ่งตน คือ เห็นว่าเป็นตัวเป็นตน มีประมาณยิ่ง อนึ่ง สัตว์ทั้งหลายเหล่าใด ฟขึ้นและยอมลงแล้วเพราะสุขและทุกข์หังหลาย, พระผูมิพระภาคเจ้าทรงมุ่งหมายสัตว่หังหลายเหล่าน์น ตรัสแล้วว่า 'สัตว ทั้งหลายทั้งปวง ย่อมสะดุ้งต่ออาชญา สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงย่อมกลัวต่อความตาย' ดังนี้. คติทั้งปวงอันพระอรหันต์เข้าไปตัดเสียแล้ว, กำเนิดอันพระอรหันต์ยื้อแย่งเสียแล้ว ปฏิสนธิอันพระอรหันต์กำจัดเสียแล้ว, กิเลสตังซี่โครงทั้งหลาย อันพระอรหันต์หักราน เสียแล้ว, อาลัยในภพทั้งหลายทั้งปวง อันพระอรหันต์ถอนขึ้นพร้อมแล้ว, กุศลและ อกุศล อันพระอรหันต์กำจัดเสียแล้ว, อวิชชาอันพระอรหันต์กำจัดให้พินาศแล้ว, วิญญาณ อันพระอรหันต์กระทำไม่ให้เป็นพืชได้แล้ว, กิเลสทั้งหลายทั้งปวง อันพระ อรหันต์เผาเสียแล้ว, โลกธรรมทั้งหลาย อันพระอรหันต์เป็นไปล่วงได้แล้ว, เพราะเหตุนั้น พระอรหันต์ย่อมไม่สะดุ้งแต่ภัยทั้งหลายทั้วปวง.
ขอถวายพระพร ในนครนี้ พืงมีมหาอมาตย์ทั้งสี่ของพระมหากษัตริย์ ล้วนเป็นผู้ อันพระราชาโปรด ได้ยศแล้ว มีความคุ้นเคยในพระมหากษัตริย์พระองค์ทรงตั้งไวิใน ตำแหน่งมีความเป็นอิสระใหญ่. ลำดับนั้น ครั้นเมื่อราชกิจอันหนึ่งเกิดขึ้นแล้ว พระมหากษัตริย์ทรงมีพระราชบัญชา ชนทั้งปวงในแว่นแคว้นของพระองค์เดยประมาณ เท่าไรว่า "ชนทั้งหลายทั้งปวงเทียว จงกระทำพลีแก่เรา, ท่านทั้งหลายผู้มหาอมาตย์สี่จง ยังกิจนั้นให้สำเร็จ;" ความสะคุ้งเพราะกลัวแต่พลี จะพึงเกิดขึ้นแก่มหาอมาตย์ทั้งสี่ เหล่านั้นบ้างหรือ เป็นไฉน ขอถวายพระ."
ร. "หาไม่ พระผู้เป็นเจ้า."
ถ. "ขอถวายพระพร ความสะคุ้งกลัวแต่พลี ไม่พึงเกิดขึ้นแก่มหาอมาตย์ทั้งสี่ เหล่านั้น เพราะเหตุอะไร?"
ร. "มหาอมาตย์สี่เหล่านั้น อันพระมหากษัตริย์ทรงตั้งไว้แล้วในตำแหน่งอัน สูงสุด, พลีย่อมไม่มีแก่มหาอมาตย์ทั้งสี่เหล่านั้น."
ถ. "มหาอมาตย์ทั้งสี่เหล่านั้น มีพสีอันก้าวล่วงด้วยประการทั้งปวงแล้ว, พระมหากษัตริย์ทรงมุ่งหมายชนทั้งหลายอันเศษนอกจากมหาอมาตย์เหล่านั้นทรงพระ ราชบัญชาแล้วว่า 'ชนทั้งหลายทั้งปวงเทียว จงกระทำพลีแก่เรา' ดังนี้ฉันใด;พระพุทธ พจน์นี้อันพระผู้มีพระภาคเจ้ามิได้ทรงมุ่งหมายพระอรหันต์ทั้งหลายตรัสแล้ว, พระอรหันต์พระองค์ยกเสียแล้วในวัตถุนั้น, เหตุแห่งความ กลัวของพระอรหันต์ท่านเลิก ถอนพร้อมแล้ว; สัตว์ทั้งหลายเหล่าใดนั้นที่ยังมีกิเลส อนึ่ง ทิภฐิไปตามตนของสัตว์ ทั้งหลายเหล่าใด มีประมาณยิง คือ หนาหนักในสันดาน อนึ่ง สัตว์ทั้งหลายเท่าใด ฟูขื้น และยอบลงแล้ว เพราะสุขและทุกข์ทั้งหลายพระผู้มีพระภาคทรงมุ่งหมายสัตว์ทั้งหลาย เหล่านั้น ตรัสแล้วว่า 'สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ย่อมสะดุ้งต่ออาชญา สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ย่อมกลัวต่อความตาย, ดังนี้ฉันนั้นโดยแท้. เพราะเหตุนั้นพระอรหันต์ย่อมไม่สะดุ้งแต่ ภัยทั้งหลายทั้งปวง ขอถวายพระพร."
ร. "พระผู้เป็นเจ้า คำว่า "สัพเพ" ทั้งปวงนี้ แสดงสัตว์มีส่วนเหลือหามิได้, คำว่า "สัพเพ" ทั้งปวงนี้ กล่าวสัตว์!ม่มีส่วนเหลือ, พระผู้เป็นเจ้าจงกล่าวเหตุยิ่งในข้อนั้นแก่ ข้าพเจ้า เพื่อให้คำนั้นมีหลักฐาน"
ถ. "ขอถวายพระพร ในที่นี้ พึงมีเจ้าของบ้านนายบ้านบังดับ บุรุษผู้รับใช้ว่า 'ผู้รับใช้ผู้เจรืญ ท่านจงมา บรรดาชาวบ้านทั้งหลายในบ้าน มีประมาณเท่าใด ท่านจงยัง ชาวบ้านทั้งหลายทั้งปวงเหล่านั้นให้ประชุมกันในสำนักของเราโดยเร็ว' ดังนี้; ผู้รับใช้นั้น รับว่า 'ดีละเจ้าช้า' แล้วยืนอยู่ ณ ท่ามกลางแห่งบ้าน ยังชนทั้งหลายให้ได้ยินเสียงเนือง ๆ สามครั้งว่า 'บรรดาชาวบ้านทั้งหลายในบ้านมีประมาณเท่าใด ชาวบ้านทั้งหลายทั้ง ปวงเหล่านั้น จงประชุมกันในสำนักของเจ้าบ้านโดยเร็ว ๆ;' ลำดับนั้น ลูกบ้านทั้งหลาย เหล่านั้น รบประชุมกันตามคำของบุรุษผู้บังดับแล้ว จึงบอกแก่เจ้าของบ้านว่า 'ช้าแต่ เจ้า ลูกบ้านทั้งหลายทั้งปวงประชุมกันแล้ว, กิจที่จำต้องกระทำอันใด ของท่านมีอยู่ ท่านจงกระทำกิจนั้น' ดังนี้. เจ้าของบ้านนั้น เมื่อให้พ่อเรอนทั้งหลายให้ประชุมกันบังดับลูกบ้านทังหลายทังปวง, ส่วนลูกบ้านทังหลายเหล่านัน อันเจ้าบ้านบังดับแล้วจะประชุมกันทั้งหมดหามิได้ ประชุมแต่พ่อเรือนทั้งหลายพวกเดียว, ส่วนเจ้าของบ้านก็ย่อมรับว่า 'ลูกบ้านทั้งหลายของเราเท่านี้นั้นเทียว' คนทั้งหลายเหล่าอื่นที่ไม่มาแล้วมากกว่า, สตรื และบุรุษทั้งหลาย ทาสีและทาสทั้งหลาย ลูกจ้างทั้งหลาย กรรมกรทั้งหลาย ชาวบ้าน ทั้งหลาย ชนใช้ทั้งหลาย โคและกระบือทั้งหลาย แพะและแกะทั้งหลายที่เป็นสัตว์ดี ชนทั้งหลายเหล่าใด ที่ไม่มาแล้ว ชนทั้งหลายเหล่านั้นทั้งปวง เจ้าของบ้านมิได้รับแล้ว, เพราะความที่ลูกบ้านอันเจ้าของบ้านมุ่งหมายพ่อเรือนทั้งหลายพวกเดียว บังดับแล้วว่า 'ชนทั้งหลายเหล่านั้นทั้งปวง เจ้าของบ้านมิได้รับแล้ว, เพราะความที่ลูกบ้านอันเจ้าของ บ้านมุ่งหมายพ่อเรือนทั้งหลายพวกเดียว บังดับแล้วว่า 'ชนทั้งหลายทั้งปวงจงประชุม กัน' ดังนี้ฉันใด. คำนั้นอันพระผู้มีพระภาคเจ้ามิได้มุ่งหมายพระอรหันต์ทั้งหลายตรัส แล้ว, พระอรหันต์พระองค์ทรงยกแล้วในวัตถุนั้น, เหตุแห่งความกลัวของพระอรหันต์ ท่านเลิกถอนแล้ว สัตว์ทั้งหลายเหล่าใดนั้นที่ยังมีกิเลส อนึ่ง ทิภฐิไปตามตนของสัตว์ ทั้งหลายเหล่าใด มีประมาณยิ่ง อนึ่ง สัตว์ทั้งหลายเหล่าใด ฟูขึ้นและยอบลงแล้ว เพราะ สุขและทุกข์ทั้งหลาย, พระผู้มีพระภาคทรงมุ่งหมายสัตว์ทั้งหลายเหล่านั้น ตรัสแล้วว่า 'สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ย่อมสะดุ้งต่ออาชญา สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงย่อมกลัวต่อความตาย, ดังนี้ ฉันนั้นโดยแท้. เพราะเหตุนั้น พระอรหันต์ย่อมไม่สะดุ้งแต่ภัยทั้งหลายทั้งปวง.
ขอถวายพระพร คำแสดงสัตว์มีส่วนเหลือ อรรถแสดงสัตว์มีส่วนเหลือก็มี, คำ แสดงสัตว์มีส่วนเหลือ อรรถแสดงสัตว์!ม่มีล่วนเหลือก็มี, คำแสดงสัตว์!ม่มีล่วนเหลือ อรรถแสดงสัตว์มีส่วนเหลือก็มี, คำแสดงสัตว์!ม่มีส่วนเหลือ อรรถก็แสดงสัตว์!ม่มีส่วน เหลือก็มี: เนื้อความบัณฑิตพึงรับรองด้วยเหตุนั้นๆ. เนื้อความอันบัณฑิตพึงรับรองโดย เหตุห้าอย่าง คือ โดยอาหัจจบทหนึ่ง โดยรสหนึ่ง โดยอาจรยวังสตาหนึ่ง โดยอธิบาย หนึ่ง โดยการณุตตรยตาหนึ่ง ก็ในเหตุห้าอย่างนี้ สูตรท่านอธิบายว่า อาหัจจบท, สุตตา นุโลม ท่านอธิบายว่ารส, อาจรยวาท ท่านอธิบายว่า อาจรยวังสะ, อัตตโนมิติ ท่าน อธิบายว่า อธิบาย, เหตุถึงพร้อมด้วยเหตุทั้งหลายสี่เหล่านี้ ท่านอธิบายว่า การณุตตรย ตา. เนื้อความบัณฑิตพึงรับรองโดยเหตุทั้งหลายห้าประการเหล่านี้แล : ปัญหานี้ จึง เป็นปัญหาอันอาตมภาพวินิจฉัยคืแล้วด้วยประการอย่างนี้ ขอถวายพระพร."
ร. "พระผู้เป็นเจ้านาคเสน ปัญหานี้เป็นปัญหาอันพระผู้เป็นเจ้าวินิจฉัยคืแล้ว เถิด, ข้าพเจ้ารับรองปัญหานั้นอย่างนั้น, พระอรหันต์จงเป็นผู้อันพระผู้มีพระภาคเจ้ายก แล้วในวัตถุนั้น, สัตว์ทั้งหลายเหลือนั้นสะดุ้งเถิด. ก็แต่ว่า สัตว์ทั้งหลายที่เถิดในนรก เสวยทุกขเวทนากล้าเผ็ดร้อนอยู่ในนรก มีองค์อวัยวะใหญ่น้อยทั้งปวงโพลงชัชวาทแล้ว เป็นผู้ร้องไห้น่าสงสาร ครํ่าครวญรํ่าไรบ่นเพ้อด้วยปาก อันทุกข์กล้าเหลือทนครอบงำ แล้ว ไม่มีผู้เป็น'ที่พึ่ง ไม่มีผู้เป็นที่ระลึก เป็นสัตว์หาผู้เป็นที่พึ่งมิได้ อาดูรด้วยความโศกไม1 น้อย เวียนว่ายอยู่ เป็นสัตว์มีความโศกเป็นที่ถึงในเบื้องหน้าโดยส่วนเดียว, เมื่อจุติจาก นรกใหญ่ มีเลืยงใหญ่นถุนาท ยังภัยน่ากลัวให้เถิด อาทูลด้วยระเบียบแห่งเปลวหก อย่างเดี่ยวประสานกันแล้ว มีเรี่ยวแรงแห่งเปลวแผ่ไปได้เนือง ๆ ตลอดร้อยโยชน์ โดยรอบ กระด้าง เป็นที่ยังสัตว์!ห้ร้อน จะกลัวต่อความตายด้วยหรือเล่า? พระผู้เป็น เจ้า."
ถ. "ขอถวายพระพร สัตว์เหล่านั้นย่อมกลัวต่อความตาย."
ร. "พระผู้เป็นเจ้านาคเสน นรกยังทุกขเวทนาให้เถิดโดยส่วนเดียวไม่ใช่หรือ, สัตว์ทั้งหลายที่เถิดในนรกเหล่านั้น เสวยแต่ทุกขเวทนาโดยส่วนเดียว เมื่อจะเคลื่อนจาก นรกย่อมกลัวแต่ความตายเพื่อเหตุอะไรเล่า, ย่อมยินดีในนรกเพื่อเหตุอะไรเล่า พระผู้ เป็นเจ้า?"
ถ. "ขอถวายพระพร สัตว์ทั้งหลายที่เกิดอยู่ในนรกเหล่านั้น ซึ่งจะยินดีอยู่ในนรก หามิได้, สัตว์ทั้งหลายที่เกิดอยู่ในนรกเหล่านั้น อยากจะพ้นจากนรกโดยแท้; ความ สะดุ้งเกิดขึ้นแก่สัตว์เกิดในนรกทั้งหลายเหล่านั้น ด้วยอานุภาพใด อานุภาพนี้ เป็น อานุภาพของความตาย ขอถวายพระพร."
ร. "ความสะดุ้งเพราะจุติเกิดขึ้นแก่สัตว์ทั้งหลาย ที่อยากจะพ้นอันใด ข้าพเจ้า จักไม่เชื่อความเกิดความสะดุ้งนี้;สัตว์ทั้งหลายเหล่านั้นได้สิ่งที่ตนปรารถนาแล้ว ด้วย เหตุที่เป็นที่ตั้งใด เหตุที่เป็นที่ตั้งนั้น ควรร่าเรงพระผู้เป็นเจ้า. ให้ข้าพเจ้าทราบด้วยดีโดย เหตุเกิด พระผู้เป็นเจ้า."
ถ. "ขอถวายพระพร เหตุเป็นที่ตั้งนี้ว่า 'ความตาย, ดังนี้แล เป็นเหตุที่ตั้งแห่ง ความสะดุ้งของสัตว์ทั้งหลาย ที่ยังไม่ได้เห็นอรยสัจจ์, ชนนี้ย่อมสะดุ้งด้วย ย่อม หวาดเสียวด้วย เพราะความตายนี้. ก็บุคคลใดกลัวต่องูเห่า ผู้นั้น เมื่อกลัวต่อความตาย จึงกลัวต่องูเห่า, ก็ผู้ใด กลัวต่อช้าง, ราชสีห์ เสือโคร่ง, เสือเหลือง, หมี, เสือดาว, ควาย, วัวลาน, ไฟ, น้ำ, หลักตอ, หนาม, ละอย่าง ๆ ผู้นั้น เมื่อกลัวต่อความตาย จึงกลัวต่อข้าง , ราชสีห์ เสือโคร่ง, เสือเหลือง หมี, เสือดาว, ควาย, วัวลาน, ไฟ, น้ำ, หลักตอ, หนาม, ละอย่าง ๆ, ก็ผู้ใด กลัวต่อหอก ผู้นั้น เมื่อกลัวต่อความตาย จึงกลัวต่อหอกนั้น. นั้นเป็น เดชโดยภาวะกับทั้งรสแห่งความตาย, สัตว์ทั้ง'หลายที่มีกิเลส ย่อมสะดุ้งย่อมกลัวแต่ ความตาย ด้วยเดชโดยภาวะกับทั้งรสนั้น, บรมบพิตร สัตว์ทั้งหลายที่เกิดในนรก แม้ อยากจะพ้นนรก ย่อมสะดุ้งย่อมกลัวแต่ความตาย. ในที่นี้ ถ้ามีหน่อเกิดขึ้นในกายของ บุรุษ ๆ นั้นเสวยทุกข์เพราะโรคนั้น อยากจะพ้นจากอุปัทวะจึงเรียกหมอทางผ่าตัดมา, หมอทางผ่าตัดนั้นรับแก่บุรุษนั้นแล้ว พึงยังเครองมือให้เข้าไปตั้งอยู่ เพื่อจะบ่งโรคนั้น คือ พึงกระทำศัสตราให้คม พึงเอาเหล็กนาบสุมในไฟ พึงบดเกลือแสบด้วยหินบด; ความสะดุ้งพึงเกิดแก่บุรุษผู้อาดูรนั้น ด้วยอันเชือดด้วยคมศัสตราอันคม และนาบด้วยคู่ ซี่เหล็ก และอันยังน้ำเกลือแสบให้เข้าไปบ้างหรือไม่?"
ร. "ความสะดุ้งพึงบังเกิดขึ้นแก่บุรุษนั้นซิ พระผู้เป็นเจ้า."
ถ. "ขอถวายพระพร บรมบพิตร เมื่อบุรุษนั้นกระลับกระส่ายอยู่ แม่ใคร่จะพ้น จากโรค ความสะดุ้งย่อมเกิดขึ้นแก่บุรุษนั้น เพราะความกลัวต่อเวทนา ด้วยประการ ดังนี้ฉันใด, เมื่อสัตว์ทั้งหลายที่เกิดอยู่ในนรก แม่ใคร่จะพ้นจากนรก ความสะดุ้งย่อม เกิดขึ้นแก่สัตว์ทั้งหลายเหล่านั้น เพราะอันกลัวแต่ความตาย ฉันนั้นนั้นเทียวแล.
อีกอย่างหนึ่ง ในที่นี้ มีบุรุษกระทำความผิดในท่านผู้เป็นอิสระต้องจำด้วยตรวน เครองจำ ต้องขังอยู่ในห้อง เป็นผูใคร่เพื่อจะพ้นไป, ชนผู้เป็นอิสระนั้นใคร่จะปล่อยบุรุษ นั้นนั้น พึงเรียกบุรุษนั้นมา;เมื่อบุรุษผู้กระทำโทษผิดในท่านผู้เป็นอิสระนั้นรู้อยู่ว่า 'ตัวมี โทษได้กระทำแล้ว, ความสะดุ้งพึงเกิดขึ้นแก่บุรุษนั้น เพราะได้เห็นท่านที่เป็นอิสระบ้าง หรือไม่?"
ร. "ความสะดุ้งย่อมเกิดขึ้นแก่บุรุษนั้นซิ?"
ถ. "ขอถวายพระพร บรมบพิตร เมื่อบุรุษผู้มีโทษผิดในท่านผู้เป็นอิสระ ถึง ปรารถนาจะพ้นจากเรอนจำ ความสะดุ้งย่อมเกิดขึ้นแก่บุรุษนั้น เพราะกลัวแต่ท่านผู้ เป็นอิสระ ด้วยประการนี้ ฉันใด, เมื่อสัตว์ทั้งหลายที่เกิดในนรก ถึงอยากจะพ้นจากนรก ความสะดุ้งย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์ทั้งหลายเหล่านั้น เพราะกลัวแต่ความตาย ฉันนั้นโดย แท้."
ร. "พระผู้เป็นเจ้า พระผู้เป็นเจ้าจงกล่าวเหตุที่ยิ่งขึ้นไปแม้อื่นอีก ข้าพเจ้าจะพึง เชื่อด้วยเหตุไรเล่า?"
ถ. "ขอถวายพระพร บรมบพิตร ในที่นี้ พึงมีบุรุษอันอสรพิษมีพิษร้ายกัดแล้ว บุรุษนั้นพึงล้มลงเกลือกกลิ้งด้วยพิษวิการนั้น, ครั้งนั้น มีบุรุษผูใดผู้หนึ่ง พึงเรยกอสรพิษ มีพิษร้ายนั้นมา ด้วยบทแห่งมนต์อันขลัง ให้อสรพิษมีพิษร้ายนั้นดูดพิษคืน เมื่ออสรพิษ มีพิษร้ายนั้นเข้าไปใกล้ เหตุความสวัสดี ความสะดุ้งพึงเกิดขึ้นแก่บุรุษผู้มีพิษซาบแล้ว นั้นบ้างหรือไม่?"
ร. "ความสะดุ้งย่อมเกิดขึ้นแก่บุรุษนั้นซิ."
ถ. "ขอถวายพระพร เมื่ออสรพิษเห็นปานนั้น เข้าไปใกล้ แม้เพราะเหตุความ สวัสดี ความสะดุ้งยังเกิดขึ้นแก่บุรุษนั้น ด้วยประการฉะนี้ ฉันใด, ความสะดุ้งย่อม เกิดขึ้นแก่สัตว์ทั้งหลายที่เกิดในนรก แมีใคร่จะพ้นจากนรกเพราะกลัวแต่ความตาย ฉัน นั้นโดยแท้แล, ความตายเป็นของไม่พึงปรารถนาของสัตว์ทั้งหลายทั้งปวง. เพราะเหตุ นั้นสัตว์ทั้งหลายที่เกิดในนรก ถึงอยากจะพ้นจากนรก ก็ย่อมกลัวต่อความตาย."
ร. "ดีละ พระผู้เป็นเจ้านาคเสน ข้อวิสัชนาปัญหาของพระผู้เป็นเจ้า สมอย่างนั้น , ข้าพเจ้ายอมรับรองอย่างนั้น."