การขายฝาก
ขายฝาก คือสัญญาซื้อขายซึ่งกรรมสิทธิ์ในทรัพสินตกไปยังผู้ซื้อ โดยมีข้อตกลงกันว่าผู้ขายอาจไถ่ทรัพย์นั้นคืนได้ภายในเวลาที่กำหนด ทรัพย์สินที่ขายฝากถ้าเป็นอสังหาริมทรัพย์จะกำหนดเวลาขายฝากกันเท่าใดก็ได้แต่จะเกินสิบปีไม่ได้ ถ้าไม่มีกำหนดเวลาที่แน่นอนก็ต้องไถ่คืนภายในภายในสิบปี กำหนดเวลาไถ่นี้เป็นเรื่องของช่วงเวลา เช่น ขายฝากมีกำหนด ๒ ปีผู้ขายฝากจะไถ่คืนเมื่อใดก็ได้ไม่ต้องรอจนครบ ๒ ปี แต่ถ้าผู้ขายฝากไม่ใช้สิทธิไถ่ทรัพย์สินภายในกำหนดเวลาย่อมหมดสิทธิไถ่ทรัพย์สินนั้นอีกต่อไป ทำให้กรรมสิทธิ์ตกเป็นของผู้ซื้อฝากโดยเด็ดขาด
สัญญาขายฝากที่กำหนดเวลาไถ่ไว้ต่ำกว่าสิบปีก่อนครบกำหนดเวลาไถ่ หากผู้ขายฝากเห็นว่าไม่อาจใช้สิทธิไถ่ภายในกำหนดเวลาได้ ควรทำความตกลงกับผู้ซื้อฝากเพื่อขอขยายกำหนดเวลาไถ่การขยายกำหนดเวลาไถ่ อย่างน้อยต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือลายมือชื่อผู้ซื้อฝากและควรนำข้อตกลงดังกล่าว มาจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ โดยผู้ขายฝากและผู้ซื้อฝากต้องมาดำเนินการจดทะเบียนด้วยกันทั้งสองฝ่าย ในกรณีที่ขอจดทะเบียนเมื่อพ้นกำหนดเวลาไถ่ไปแล้วจะต้องมีหนังสือหรือหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ซื้อฝากที่ได้ทำขึ้นก่อนสิ้นสุดกำหนดเวลาไถ่มาแสดงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ด้วย
การจดทะเบียนไถ่ถอนจากขายฝากเป็นคนละส่วนกับการใช้สิทธิไถ่ เพราะการจดทะเบียนไถ่ถอนจากการขายฝากจะกระทำเมื่อใดก็ได้ แต่การใช้สิทธิไถ่ต้องกระทำภายในกำหนดเวลาไถ่ตามสัญญาขายฝาก โดยนำสินไถ่ส่งมอบแก่ผู้ซื้อฝากภายในกำหนดเวลาไถ่ ถ้าไม่สามารถตามตัวผู้ซื้อฝากได้หรือผู้ซื้อฝากหลีกเลี่ยงไม่ยอมให้มีการไถ่ ให้นำสินไถ่ไปวางณ.สำนักงานวางทรัพย์ภายในกำหนดเวลาไถ่ โดยสละสิทธิถอนทรัพย์ที่ได้วางไว้ การวางทรัพย์ในส่วนกลางให้วางณ.สำนักงานวางทรัพย์กลางกรมบังคับคดีกระทรวงยุติธรรม ในส่วนภูมิภาคณ.สำนักงานบังคับคดีและวางทรัพย์ภูมิภาคหรือสำนักงานบังคับคดีจังหวัด สำหรับจังหวัดที่ไม่มีสำนักงานบังคับคดีตั้งอยู่ให้ติดต่อจ่าศาลจังหวัดนั้นๆเพื่อจัดส่งแก่สำนักงานบังคับคดีและวางทรัพย์ภูมิภาคต่อไป อย่างไรก็ดีเมื่อใช้สิทธิไถ่แล้วควรรีบมาขอจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่โดยเร็ว หากทิ้งไว้อาจเกิดความเสียหายได้
เมื่อได้ใช้สิทธิไถ่ภายในเวลาไถ่แล้วกรรมสิทธิ์จะตกเป็นของผู้ขายฝากทันที ผู้ขายฝากจึงชอบที่จะนำหลักฐานเป็นหนังสือจากผู้ซื้อฝากแสดงว่าได้มีการไถ่ถอนแล้ว หรือนำหลักฐานการวางทรัพย์พร้อมด้วยหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินมาขอจดทะเบียนไถ่ถอนจากขายฝากต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แต่เพียงฝ่ายเดียวได้ ในกรณีวางทรัพย์แล้วไม่ได้หนังสือแสดงสิทธิในที่ดินมาให้นำหลักฐานการวางทรัพย์มาแสดงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อหมายเหตุกลัดติดไว้ในหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินฉบับสำนักงานที่ดินและลงบัญชีอายัดให้ทราบถึงการวางทรัพย์ ทั้งนี้เพื่อป้องกันมิให้ผู้ซื้อฝากซึ่งมิใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์ทำการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมต่อไป
การคำนวณระยะเวลาว่าสัญญาขายฝากจะครบกำหนดเมื่อใดให้นับวันรุ่งขี้นเป็นวันแรก กล่าวคือถ้าทำสัญญาขายฝากมีกำหนด ๑ ปีเมื่อวันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๓ ก็ต้องครบกำหนด ๑ ปีในวันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๔๔
ประเภทขายฝาก
ประเภทการจดทะเบียนนี้คู่สัญญาจะต้องนำหลักฐานไปประกอบเช่นเดียวกับประเภทขาย
ประเภทให้
ผู้ให้
- โฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์
- บัตรประจำตัว
- ทะเบียนบ้าน
- ทะเบียนสมรส ในกรณีที่เป็นการให้ระหว่างผู้บุพการีกับผู้สืบสันดานหรือคู่สมรส
- คำยินยอมคู่สมรส
- ถ้ามีหลักฐานการเปลี่ยนชื่อตัว ชื่อสกุล ให้นำหลักฐานไปแสดง
ผู้รับให้
- บัตรประจำตัว
- ทะเบียนบ้านของผู้รับให้
- ถ้ามีคู่สมรสและแยกกันถือภูมิลำเนาคนละแห่งต้องแสดงทะเบียนบ้านของคู่สมรส
- ถ้าผู้รับให้เป็นบุตรที่บิดารับรองต้องมีหลักฐานการรับรองบุตรด้วย
- ถ้านิติบุคคลเป็นผู้ให้หรือผู้รับให้ ต้องนำหลักฐานเช่นเดียวกับกรณีซื้อขาย
ค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน
- ค่าคำขอแปลงละ 5 บาท
- ค่าจดทะเบียนร้อยละ 2 ของราคาประเมินทุนทรัพย์ ถ้าเป็นการให้ระหว่างผู้บุพการีกับผู้สืบสันดานหรือระหว่างคู่สมรสเรียกตามราคาประเมินทุนทรัพย์ ร้อยละ 0.5
ค่าภาษีเงินได้หักณ.ที่จ่ายและภาษีธุรกิจเฉพาะ
- ตามประมวลรัษฎากร
- ถ้าเป็นการให้แก่บุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของตนเองโดยไม่มีค่าตอบแทนได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้หักณ.ที่จ่ายและภาษีธุรกิจเฉพาะ (ไม่รวมบุตรบุญธรรม)
- ค่าอากรแสตมป์คิดเช่นเดียวกับการขาย