บทที่ 9
เครื่องชี้วัดภาวะตลาด Market Indicators
นอกจากเครื่องชี้ราคาและปริมาณแล้ว ยังมีเครื่องชี้บางตัวในการวิเคราะห์ทางเทคนิค ที่ใช้ชี้ภาวะตลาดโดยรวมได้ เครื่องมือเหล่านี้ต้องใช้ข้อมูลบางอย่างเพิ่มเติม ในการคำนวณ ซึ่งโปรแกรมวิเคราะห์ทางเทคนิคบางตัว เช่น MetaStock ไม่สามารถทำได้โดยตรง แต่เราจะต้องคำนวณและกรอกข้อมูลลงไปด้วยตนเองทุกวัน (หรือไม่ก็ซื้อโปรแกรมบางตัวที่ใช้วิเคราะห์ภาวะตลาดโดยตรง เช่น Market Analyser Plus) เครื่องชี้ภาวะตลาดนี้ มีอยู่หลายตัวมาก แต่ในที่นี้จะพูดถึงเฉพาะบางตัวเท่านั้น
.Advance-Decline Line (AD-LINE).
เป็นเครื่องมือวัดสภาพตลาดโดยรวมอย่างกว้างๆ หรือแบบหยาบๆ โดยอาศัยความคิดที่ว่าตลาดจะดีขึ้น ก็ต่อเมื่อหุ้นส่วนใหญ่ในตลาดปรับตัวสูงขึ้น แต่ถ้าหุ้นส่วนใหญ่ไม่ได้ปรับตัวสูงขึ้น แม้ว่าดัชนีตลาดจะยังคงขึ้นอยู่ ก็ถือว่าไม่เป็นสัญญาณที่ดีนัก เพราะดัชนีอาจจะขึ้นเพราะการขึ้นของหุ้นไม่กี่ตัวที่มีค่าถ่วงน้ำหนักต่อดัชนีของตลาดสูงก็ได้ AD-LINE เป็นดัชนีที่น่าสนใจตัวหนึ่ง เพราะการฉุดดัชนีตลาด (Set Index) ให้สูงขึ้น ด้วยการดันราคาเฉพาะหุ้นที่ถ่วงน้ำหนักต่อตัวดัชนีมากๆ จะไม่สามารถทำให้ AD-LINE สูงตามขึ้นได้ เป็นการป้องกันไม่ให้เราหลงแห่ไปตามการทำราคาหุ้น โดยอาศัยการดึงราคาหุ้นที่มีค่าถ่วงน้ำหนักต่อดัชนีสูงๆ ได้
ข้อเสียก็คือ AD-LINE จะสนใจเฉพาะหุ้นที่มีราคาเปลี่ยนแปลงเท่านั้น แต่ไม่สนใจหุ้นที่ไม่มีการซื้อขาย หรือราคาไม่เปลี่ยนแปลงเลย นอกจากนี้ AD-LINE ยังไม่สนใจระดับความรุนแรงของการเปลี่ยนแปลงของราคาอีกด้วย
การคำนวณ Advance คือ จำนวนหุ้นที่มีราคาปิดสูงกว่าวันก่อน และ Decline คือจำนวนหุ้นที่มีราคาปิดต่ำกว่าวันก่อนเช่น ถ้าวันนี้มีหุ้นที่ปิดที่ราคาสูงขึ้น 200 ตัว และมีหุ้นที่มีราคาปิดต่ำลงจำนวน 100 ตัว ดังนั้น Advance = 200 และ Decline=100
- ถ้ามีจำนวนหุ้นที่ Advance>Decline จะเอาผลต่างของ Advance-Decline ไปบวกเข้ากับยอด AD-LINE เดิมซึ่งมีผลให้ค่า AD-LINE สูงขึ้น
- ถ้ามีจำนวนหุ้นที่Decline>Advance จะเอาผลต่างของ ที่Decline-Advance ไปหักออกจากยอด AD-LINE เดิมซึ่งมีผลให้ค่า AD-LINE ต่ำลง
ดูตัวอย่างที่9.1 สักหน่อย จะได้เห็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งในส่วนของกรอบบน คือ ส่วนของ AD-LINE และในส่วนของกรอบล่างคือ การเคลื่อนไหวของ Set Index การเกิด divergence ระหว่างทั้ง 2 ส่วนนั้นอยู่ที่หมายเลข 1 และ 4 (คงไม่ต้องบอกแล้วนะว่า divergence คืออะไร?) และความหมายที่ซ่อนอยู่ในการ divergence คราวนี้คือ Set Index ที่ปรับตัวสูงขึ้นนั้น เป็นผลมาจากหุ้นเพียงไม่กี่ตัว แต่หุ้นเหล่านี้ค่อนข้างมีน้ำหนักมากที่จะดึง Set index ให้ขยับตัวขึ้นไปได้
ส่วนหมายเลข 2 นั้น เป็นจังหวะที่หุ้นมีการปรับตัวขึ้น โดยภาพรวมหุ้นขึ้นมีมากกว่าหุ้นลง เพราะ AD-LINE มีความชัน(slope) เป็นบวก อย่างไรก็ตาม อาจจมีผู้สังเกตเห็นว่า Set index ค่อนข้างที่จะขยับตัวแรงมาก ซึ่งคำตอบน่าจะเป้นผลมาจาก หุ้นที่ปรับตัวขึ้นในช่วงนั้น เป็นพวกที่มีน้ำหนักในการฉุดดึง Set index ในทางกลับกัน ช่วงที่ 3 เป็นช่วงที่ Set index มีการปรับตัวลง พร้อมๆกับ AD-LINE จึงเป็นการชี้ให้เห็นถึงภาพรวมของตลาดปรับตัวลง