แนวทางการทำ Hedging สำหรับผู้เริ่มต้น

การทำ hedging ดูเหมือนจะเป็นเรื่องไม่สำคัญแต่การ hedging เป็นพื้นฐานที่นักลงทุนทุกคนควรจะใส่ใจไม่มีข้อกังขา การป้องกันความเสี่ยงของพอร์ทเป็นเรื่องสำคัญพอๆกับการทำให้มูลค่าของพอร์ทเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามการ Hedging มักไม่ค่อยมีการอ้างถึงเท่าไหร่นักซึ่งดูเหมือนจะเป็นเรื่องของการกลยุทธการลงทุนที่ซับซ้อน แต่จริงๆแล้วแม้ว่าคุณจะเป็นมือใหม่ก็สามารถเรียนรู้ได้ว่าการ Hedging คืออะไรแล้วทำงานยังไง เทคนิคการ Hedging แบบไหนที่นักลงทุนหรือว่าสถาบันการเงินใช้ในการป้องกันพอร์ทการลงทุนพวกเขาจากความเสี่ยง

Hedging คืออะไร

วิธีอธิบายเรื่องนี้ได้ดีที่สุดคือให้คิดถึงการทำประกันภัย เมื่อคนคิดจะทำการ hedging พวกเขากำลังสร้างความมั่นใจให้ตัวเองในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดส่งผลกับพอร์ทการลงทุนในแง่ลบ ไม่ได้ป้องกันไม่ให้มันเกิดขึ้นแต่ถ้ามันเกิดขึ้นและคุณมีวิธีการ Hedge ที่ถูกต้อง ผลกระทบของเหตุการณ์กระทำดังกล่าวนั้นจะลดลง ดังนั้นการ Hedging เกิดขึ้นทุกที่และเราเห็นมันอยู่ทุกวัน ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณซื้อประกันภัยของบ้านคุณ คุณก็ทำการ Hedging ความเสี่ยงของการที่บ้านถูกไฟไหม้ ถูกปล้นหรือกรณีเกิดภัยธรรมชาติที่ไม่อาจจะคาดเดาได้

ผู้จัดการกองทุน นักลงทุนส่วนบุคคลหรือองค์กรต่างๆก็ใช้เทคนิคการ hedging ในการลดความเสี่ยงของตัวแปรต่างๆเหล่านี้ ในตลาดการเงินการ Hedging มักจะมีความซับซ้อนมากกว่าการจ่ายประกันภัยให้บริษัทประกันภัยทุกๆปี การ Hedging ในกรณีของการลงทุนหมายถึงกลยุทธ์การใช้เครื่องมือการลงทุนในตลาด ในการป้องกันความเสี่ยงของการเคลื่อนไหวของราคาในทางตรงกันข้ามที่เราได้คาดไว้ หรือพูดได้อีกแง่หนึ่งว่า นักลงทุนจะทำการ Hedge อีก order หนึ่งโดยการเทรดทิศทางตรงกันข้าม

การทำ Hedging ในทางเทคนิค เราจะทำการลงทุนในหลักทรัพย์ 2 ตัวที่มีค่าความสัมพันธ์แตกต่างกัน แน่นอนไม่มีอะไรฟรีในโลก หมายความว่าเราก็ยังต้องจ่ายค่าประกันภัยในรูปแบบอื่นๆ แม้เราจะยังคงนิยมและพยายามหาคำตอบจากกำไรที่ได้มาอย่างไม่จำกัดอยู่ เช่นเดียวกันเราก็ยังคงหาการลงทุนที่มีความเสี่ยงเป็นศูนย์ การทำ hedging สามารถช่วยเราให้รอดพ้นจากความจริงที่โหดร้ายของความเสี่ยงจากการเทรด การลดความเสี่ยงหมายความว่าการลดกำไรลงด้วย ดังนั้นการทำ Hedging ส่วนใหญ่แล้วไม่ได้หมายถึงว่าคุณจะมีวิธีการทำกำไรแบบไหน แต่จะเป็นการกล่าวถึงว่าเราควรจะมีการลดผลขาดทุนที่จะเกิดขึ้นแบบไหน ถ้าการลงทุนที่คุณกำลังทำการ Hedging ที่ได้กำไรนั้น หมายความว่าตอนนี้คุณได้ลดโอกาสทำกำไรที่คุณควรจะได้ ถ้าการลงทุนนี้ขาดทุนและคุณทำกำไรไว้ หมายความว่าคุณประสบความสำเร็จในการลดความเสี่ยง

นักลงทุนจะทำการ Hedging ได้อย่างไร?

เทคนิคการ Hedging โดยทั่วไปเกี่ยวกับการใช้เครื่องมือทางการเงินที่ซับซ้อน เช่น อนุพันธ์ 2 ตัวที่เป็นที่รู้จักคือ ออพชั่นและฟิวเจอร์ส เราจะไม่อธิบายเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้มากนักว่ามันจะใช้ยังไง แต่ให้รู้เพียงว่า ด้วยเครื่องมือเหล่านี้คุณสามารถพัฒนากลยุทธการเทรดที่คุณขาดทุนในทางหนึ่งแต่จะได้รับกำไรจากการเทรดอนุพันธ์แทน

ดูตัวอย่างว่าจะทำงานอย่างไร เช่น คุณมีหุ้นของ Cory's Tequila Corporation (Ticker: CTC) อยู่แม้เชื่อว่าบริษัทนี้ในระยะยาวมันจะมีความน่าเชื่อถือสูง แต่คุณก็กังวลอยู่นิดหน่อยในระยะสั้นในอุตสาหกรรมเตกิลล่า เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากราคาที่ร่วงลงของหุ้น CTC คุณสามารถ Buy Put Option (อนุพันธ์) ของบริษัทนี้ซึ่งให้สิทธิ์คุณในการ Sell หุ้น CTC ที่ราคาการใช้สิทธิ (strike price) กลยุทธ์นี้รู้จักกันในชื่อของ married put ถ้าหุ้นของคุณราคาอยู่ต่ำกว่าราคาใช้สิทธิ์แล้วขาดทุนจะถูกแทนที่จากกำไรที่ได้จาก Put Option

อีกตัวอย่างของการทำ Hedging ที่น่าสนใจเกี่ยวกับบริษัทที่อ้างอิงอยู่กับโภคภัณฑ์ สมมติว่า Cory's Tequila Corporation มีความกังวลเกี่ยวกับความผันผวนของราคาของดอกโคม (พืชที่ใช้ทำเตกีล่า) บริษัทจะตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากทันที่ ถ้าราคาดอกโคมพุ่งสูงขึ้นซึ่งทำให้กำไรขั้นต้นของมันลดลง เพื่อป้องกันความเสี่ยงนี้เราจะทำการ Hedging ต่อความผันผวนของราคา CTC สามารถเทรดสัญญาฟิวเจอร์ (หรือสัญญาที่มาลักษณะคล้ายกันกับฟิวเจอร์) ซึ่งสามารถให้บริษัท Buy ราคาดอกโคม ณ.ราคาใดราคาหนึ่งในอนาคต ตอนนี้ CTC ก็ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับความผันผวนของการแกว่งตัวในตลาดโภคภัณฑ์แล้ว

ถ้าราคาพุ่งขึ้นตามที่ได้กำหนดไว้ในสัญญาฟิวเจอร์ การ Hedge จะจ่ายส่วนนี้ให้เราเพราะว่า CTC จะได้กำไรจากการจ่ายราคาดอกโคมที่ต่ำกว่าราคาตลาด อย่างไรก็ตามถ้าราคาลดลง CTC ก็ยังต้องจ่ายราคาที่ตกลงกันในสัญญา แต่ก็ดีกว่าการไม่ป้องกันความเสี่ยงไว้

เพราะว่าในโลกของเรา มีออพชั่นและฟิวเจอร์ อยู่หลายประเภท นักลงทุนสามารถป้องกันความเสี่ยงของพวกเขาได้แทบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น หุ้น อนุพันธ์ อัตราดอกเบี้ย การเทรดค่าเงิน นักลงทุน สามารถทำการ Hedge หรือป้องกันความเสี่ยง แม้จากสภาพอากาศ

ผลด้านตรงข้าม

ทุกๆการ Hedging นั้นมีต้นทุน ดังนั้นก่อนที่คุณจะตัดสินใจใช้การ Hedging ต้องถามตัวเอง ว่า มีกำไรที่ได้จากการประเมินค่าใช้จ่าย สิ่งที่ควรระลึกอยู่เสมอก็คือเป้าหมายของการ Hedge ไม่ใช่การทำกำไร แต่เป็นการป้องกันการขาดทุน ต้นทุนของการ Hedge ไม่ว่าจะเป็นต้นทุนของ Option หรือ การพลาดโอกาสในการทำกำไรจากการเทรด ที่ไม่ได้เป็นในทิศทางที่คาดหมายของสัญญาฟิวเจอร์ ไม่สามารถหลี่กเลี่ยงได้ นี่เป็นสิ่งที่คุณต้องจ่ายให้กับการป้องกันความเสี่ยงจากความไม่แน่นอน

เราได้ทำการเปรียบเทียบการ Hedging กับการทำประกันภัย ต้องย้ำก่อนว่าการประกันภัยนั้นย่อมจะค่อนข้างมีความแน่นอนกว่าการทำ hedging เพราะประกันภัยนั้นคุณจะได้รับการจ่ายคืนค่าความเสียหายของคุณแน่นอน การทำ Hedging ของพอร์ทโฟลิโอของเรานั้นไม่ได้เป็นศาสตร์ที่สมบูรณ์แบบมากนักและสามารถผิดพลาดได้ แม้นักจัดการความเสี่ยงจะพยายามที่จะทำให้เกิดการ Hedging ที่สมบูรณ์แบบได้ แต่มันก็เป็นเรื่องยากในทางปฏิบัติ

การ Hedging หมายความว่าอย่างไรสำหรับคุณ

นักลงทุนส่วนใหญ่จะไม่เคยเทรดอนุพันธ์ในชีวิตการลงทุนพวกเขาเลย จริงๆแล้วส่วนใหญ่จะทำการซื้อและถือและไม่ค่อยให้ความสนใจในความผันผวนระยะสั้น นักลงทุนประเภทนี้ไม่ค่อยให้ความสนใจกับตลาดหรือให้ความสนใจกับการ Hedging มากนัก เพราะการลงทุนของพวกเขาจะเติบโตตามตลาด แล้วทำไมเราจะไม่เรียนรู้เกี่ยวกับการ Hedging กัน

แม้ว่าคุณจะไม่เคยทำการ Hedge ในพอร์ทของคุณ คุณก็ควรทำความเข้าใจว่ามันทำงานอย่างไร เพราะหลายๆบริษัทใหญ่และกองทุนต่างๆจะทำการ Hedge ตัวอย่าง บริษัทน้ำมันอาจจะทำการ Hedging ตรงข้ามกับราคาน้ำมัน ขณะที่กองทุนรวมของต่างประเทศอาจจะทำการ Hedging ป้องกันความผันผวนต่ออัตราแลกเปลี่ยน และการเข้าใจเรื่องการ Hedging จะช่วยให้คุณเข้าใจและสามารถวิเคราะห์การลงทุนเหล่านี้ได้ดียิ่งขึ้น

สรุป

ความเสี่ยงนั้นเป็นส่วนประกอบสำคัญของการลงทุน การที่นักลงุทนมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับกลยุทธ์การทำ Hedging จะทำให้เข้าใจว่าพวกนักลงทุนและบริษัทอื่นๆนั้น ป้องกันความเสี่ยงจากการลงทุนของพวกเขาได้อย่างไร? ไม่ว่าคุณจะตัดสินใจเริ่มศึกษาการใช้อนุพันธ์ที่ซับซ้อนนี้หรือไม่ การหาความรู้เกี่ยวกับการ Hedging จะช่วยให้คุณเข้าใจตลาดได้อย่างลึกซึ้ง ซึ่งจะช่วยให้คุณเป็นนักลงทุนที่ดีได้เร็วยิ่งขึ้น

โดย ทีมงาน Investopedia