สิ่งที่ทำให้เราเทรดได้ดีขึ้น และ ประสบความสำเร็จ

เส้นทางของนักเทรดนั้น เป็นเส้นทางแห่งการพัฒนาตัวเอง ทางด้านกลยุทธ์การเทรด และ เทคนิคการเทรด เส้นทางของผมนั้นไม่ได้ราบเรียบ ล้างพอร์ทมาแล้วก็หลายครั้ง และก็หลายครั้งที่เคยคิดว่าจะออกจากเกมส์การเทรดนี้ดีหรือไม่

ต้องขอบคุณในความดื้อด้านของผม วันนี้ผมได้รับผลตอบแทนของความพยายามเหล่านั้น เพราะผมมีโครงสร้างของระบบที่ยอดเยี่ยม และได้ทดสอบกับเหตุการณ์ที่ทำให้ผมล้างพอร์ทมาแล้ว

ผมอยากจะแบ่งปันให้กับคุณ (และหวังว่าเราจะได้แลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน) กับแนวคิดที่แตกต่าง และท้ายสุดให้เกิดความรู้ที่แท้จริงขึ้นมา ผมมาถึงจุดนี้ได้เนื่องจาก ประสบการณ์ที่ผมได้สั่งสมมาแล้วเอามาปะติดปะต่อกัน แต่ว่าเมื่อก่อนไม่ได้ให้ความสนใจกับมัน ดังนี้

1) ความคิดที่ว่า การใช้เครื่องมือทางเทคนิค (indicator) ที่ดีซักตัวสองตัว หรือ เราจะใช้การเทรดแบบ Price Action อย่างเดียวไปเลย และแน่นอน ผมได้ลองมาทั้งสองแบบแล้ว แต่ผมก็กลับมาใช้เครื่องมือเก่า ๆ ที่ไม่ธรรมดาอย่าง MACD และ อีกสองตัวซึ่งเป็นที่รู้จักดี ซึ่งไม่ได้ปรับเปลี่ยนค่าใด ๆ ผมค้นพบว่าการใช้ Indicator เหล่านี้เทรดได้ดีเลยทีเดียว ผมยังสงสัยอยู่เลยว่าทำไมเมื่อสองปีที่แล้วผมไม่ทำให้ได้อย่างนี้บ้างนะ

ทำไม ผมถึงใช้ Indicator เพียว ๆ แทนที่จะใช้การเทรดแบบ Price Action แทนน่ะหรอ? เพราะว่ามันเหมาะกับผม และผมรู้สึกสบายใจกว่าเวลาใช้มัน ในอนาคตผมอาจจะรู้เรื่อง Price Action มากกว่านี้ก็เป็นได้ แต่ว่าตอนนี้ผมพอใจกับสิ่งที่ผมรู้อยู่ตอนนี้ และก็กำลังเรียนรู้เพิ่มต่อไป

2) ที่ผ่านมาผมมักจะเทรดได้ดีใน Time Frame ใหญ่ ๆ เสมอ - 4H 8H ไปจนถึง Daily เพราะว่าผมมีเพื่อนสนิทคนหนึ่งซึ่งเทรด Scalping เก่งมาก ผมก็เลยเทรดสั้น ๆ ตามเขาหลายปีพอสมควร แต่สิ่งที่ผมได้เรียนรู้คือผมกำลังต่อสู้กับบุคคลิกภาพในการเทรดของตัวเอง การเทรดแบบ Scalping ไม่เหมาะกับผม และมันไม่เหมาะกับงานที่ผมทำอยู่ด้วย

แต่การเทรดแบบ Scalping ก็ส่งผลดีกับผมอยู่บ้าง คือทำให้ผมมีการพัฒนาการวิเคราะห์ทางเทคนิคดีขึ้น และผมว่า บางอย่างนั้นใช้ได้ดีใน Time Frame ที่ใหญ่กว่าแทนที่จะเอามาใช้กับ Time Frame 5 นาทีและ 15 นาที และสิ่งที่สำคัญที่สุดที่ผมได้เรียนรู้จากตรงนั้นคือ ความรู้สึกที่ผมเทรดกับ Time Frame ใหญ่ ๆ ผมไม่ได้รู้สึกมีความอึดอัดและ ยากลำบากเหมือนกับที่ผมเทรดแบบ Scalping เหลืออยู่เลย

3) ผมได้เรียนรู้ที่จะเทรดใช้กราฟอย่างถูกต้อง หลายปีก่อน ผมสนใจเว็บของ Alan Farley's website (ถ้าสนใจลองหาใน Google ได้ ) แต่ผมก็จำรายละเอียดอะไรได้ไม่มาก แต่จำได้ว่าเขาเป็นนักเทรดระยะสั้น และผมก็ไม่ได้สนใจที่จะเทรดระยะนั้น แต่ว่า ไอเดียดี ๆ ก็ได้ผุดในหัวของผมเหมือนหลอดไฟที่ถูกเปิด

แสงของหลอดไฟส่องหนทางช่วยให้ผม เลิกสนใจที่จะดูวีดีโอ หรือ ระบบเทรดเป็นร้อยเป็นพันอีกต่อไป เพราะสิ่งเหล่านั้นมันจะขังคุณให้อยู่ในวัฏจักรของความหวังในการหา indicator หรือระบบอันแล้วอันเล่า

ยังไงหรอ? เอ่อ ส่วนใหญ่แล้ว พวกที่ขายระบบ และ พวกที่ขายของเป็นหลัก พยายามจะแสดงให้คุณเห็นว่า คุณจะทำกำไรได้จากการเทรดฟอร์เร็กได้อย่างไร และแน่นอนการเทรดที่เขาเอามาแสดงให้เราดูก็ยอดเยี่ยมจริง ๆ

แต่ว่าสิ่งที่ hardrightedge.com นั้นได้สอนผมก็คือ ความจริงที่ว่าในการเทรดเราจะไม่รู้ว่ามันเป็นยังไง และเรามักจะไม่เทรดทั้งหมดที่มันเป็น สิ่งที่เรากำลังหาคือ การเทรดที่เข้ากับระบบของเราเท่านั้น ว่านี่เป็นโอกาสดีที่เราจะเข้าเทรด

แล้ว ผมเอาคอนเซปต์นี้มาประยุกต์ใช้ให้สำเร็จได้อย่างไร ?

ผมได้เรียนรู้ว่า ผมจะเทรดทุก ๆ ออร์เดอร์ที่ผมต้องเทรด อย่างไม่มีข้อยกเว้น ซึ่งนั่นเป็นเหตุให้ผมได้กำไร แน่นอน ว่ามันต้องมีออร์เดอร์ที่ขาดทุนปะปนอยู่ด้วยแน่นอน แต่ถ้าคุณไม่เทรดให้มันจนจบ คุณออกก่อนที่ระบบของคุณจะบอกให้ออก ออร์เดอร์ที่คุณเข้าเทรดก็จะไม่มีค่าอะไรเลย

4) ผมรู้จักกับเพื่อนที่เทรดด้วยกันอยู่คนหนึ่ง ซึ่งไม่ได้เข้าเว็บเดียวกันกับที่ผมอ่านอยู่หรอก แต่ว่า เราได้เรียนรู้จากกันและกันเยอะมาก และทุก ๆ วันเราติดต่อกันผ่านการส่งข้อความ Skype และ ส่งภาพหน้าจอ เพื่อศึกษา screen-shots ในการเข้าเทรดต่าง ๆ และ บางครั้งผมก็หาโอกาสไปเจอเขาบ้างเช่นกัน แต่ว่าผมอยู่ที่ ตอนเหนือของ บริสเบน และเขาอยู่ที่ตอนใต้ของซิดนีย์ ดังนั้นการส่งข้อความ การใช้คอมพิวเตอร์ก็ค่อนข้างสะดวกกว่า

การได้ถกประเด็นในการเทรด และผลของการเทรด เหมือนกับการที่เราได้อ่านเว็บไซต์แห่งใหม่ ทำให้ได้แนวคิดใหม่ ๆ (และแน่นอน เครื่องมือใหม่ด้วย) เป็นประสบการณ์ที่มีค่าสำหรับผม ผมกล้ายอมรับความผิดพลาดในการเทรดของผมและเล่าให้เขาฟังได้อย่างไม่อาย และแทนที่เขาจะคอยซ้าเติมผม เขาจะถามผมว่า “ ทำไมทำอย่างนั้น? มันเกิดอะไรขึ้น?”

5) ผมเคยใช้เวลาหลายชั่วโมงทุก ๆ วัน อ่านหนังสือพิมพ์ และพยายามที่จะหาตัวแปรที่เป็นจุดเปลี่ยนของเหตุการณ์ต่าง ๆ ของโลก ซึ่งจริง ๆ ก็ดี และจำเป็นเพื่อที่จะเข้าใจว่าทำไมการเคลื่อนไหวของค่าเงินถึงเป็นเช่นนั้น แต่ว่าตอนนี้มันไม่จำเป็นต้องอ่านแล้ว มันไม่ได้ผิดที่คุณจะยกเลิกรับหนังสือพิมพ์ออนไลน์เล่มโปรดของคุณ

ในทางกลับกัน การยกเลิกมัน จะทำให้คุณจะพยายามที่จะหาว่า อะไรคือมูลค่าของค่าเงินที่แท้จริงเพื่อใช้ในการเทรดของคุณ

แน่นอน สมาธิ หรือความพยามที่คุณมีมากขึ้นเหล่านี้ มาพร้อมกับ การยกเลิกการอ่านหนังสือพิมพ์ และการลดเวลาอยู่ในเว็บบอร์ดลงบ้าง แต่ว่าอย่าพึ่งเข้าใจผมผิด ผมยังสิงอยู่ในบอร์ดบางที่ และยังโพสต์ตอบ – เว็บบอร์ดเกี่ยวกับสุขภาพนั้นเหมาะสำหรับเทรดเดอร์- แต่ว่าอย่าพยายามเข้าใจทุกอย่าง ให้พยายามทำความเข้าใจในบทความที่คุณคิดว่าดีที่สุดเท่านั้น และโพสต์ตอบเมื่อคุณมีบางอย่างที่อยากจะถาม หรือ อยากจะพูดเท่านั้น

ผมเคยสิงอยู่บอร์ดประมาณสองเว็บบอร์ด และ ผมโพสต์เป็น 2500 โพสต์ และอีกเว็บหนึ่งสูงถึง 4000 โพสต์ แน่นอนว่าผมได้เรียนรู้อะไรเยอะแยะมากมาย และมันก็สำคัญสำหรับผมในช่วงเวลาหนึ่ง เพราะว่าผมพบว่าการสอนหรือบอกคนอื่นบ้างก็เป็นการเรียนรู้ที่ดีเช่นกัน มันก็ไม่เลวเลย แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผมต้องพยายามทำความเข้าใจในเวลาต่อมาคือว่า ผมต้องอ่านหาความรู้บ้างในวัน ๆ หนึ่ง

วันนี้ผมไม่ได้รู้สึกที่จะต้องสิงอยู่ในเว็บบอร์ดตลอดเวลาเหมือนก่อน แต่ว่าผมออกไปอ่านไปหาสิ่งที่ผมสามารถจะเรียนรู้จากมันได้

6) และในที่สุดผมก็เข้าใจความหมายที่แท้จริงของคำว่าวินัย เพราะผมเป็นม้าป่าที่พยศมาตลอด ผมไม่ค่อยเชื่อฟังหลักการใด ๆ มีความขัดแย้งกับความคิดคนอื่น และชอบคิดแตกต่าง ดังนั้นด้วยความที่ผมเป็นคนแบบนี้ ทำให้ผมรู้สึกเบื่อกับการที่หนังสือหรือคนอื่น ๆ คนแล้วคนเล่า เล่มแล้วเล่มเล่าพูดถึงแต่คำว่า “วินัย” ในการเทรด ผมไม่ชอบที่เป็นแบบนั้นและเหมือนว่าผมไม่ชอบอยู่ในกฏระเบียบ”ถูกควบคุม”

แต่ว่าหลังจากที่ผมได้ปิ๊งไอเดียขึ้นมา ระหว่างที่ผมกำลังคุยเรื่องการเทรดในเย็นวันหนึ่งกับเพื่อนของผมทาง MSN เขาถามผมว่า “คุณมีระบบการเทรดที่ดีและเทรดได้ดี แล้วอะไรทำให้คุณขาดทุนหล่ะ?” ผมไม่สามารถตอบเขาได้ และเขาก็ปฏิเสธที่จะบอกผมว่าเขาคิดยังไง จนกระทั่งผมคิดไปแล้วผ่านไป 24 ชั่วโมง

เย็นวันถัดมาเขามาถามผมอีกครั้ง “ อืมมมม.... คุณรู้หรือยังว่าอะไรทำให้คุณขาดทุน?”

ช่วงเวลา 1 วันเต็ม ๆ ที่ผมกลับไปดูออร์เดอร์ที่ผมเทรด และ กลับมาดูกลยุทธ์การเทรดของผม และระบบที่ผมใช้ที่ผ่านมา สิ่งที่ผมค้นพบไม่ค่อยจะน่าพอใจซะเท่าไหร่ เพราะว่า ผมกระโดดไปกระโดดมาระหว่างการใช้ระบบนั้นระบบนี้ วิธีนั้นวิธีนี้ จาก Time Frame นึงไปอีกยัง Time Frame นึง ผมเทรดได้ดีบางออร์เดอร์ โดยใช้การเข้าเทรดที่ธรรมดา แต่ว่าไม่ค่อยสนใจมันแล้วมัวแต่ไปมองหาสิ่งที่ดีกว่า อยู่ตลอดเวลา

หรือพูดง่าย ๆ ว่า ผมไม่เคยมาใส่ใจกับระบบใดระบบหนึ่ง เพื่อที่จะทำให้ผมชานาญการใช้ระบบนั้นเลย ในตลอดระยะเวลา 6 ปีที่ผมเทรดมานี้

เป็นเช่นนั้นจริง ๆ ใช่ แต่ผมก็ยังยอมรับคำว่า วินัยไม่ได้ พยายามที่จะแทนมันด้วยคำว่า ความสม่าเสมอ และคุณเห็นรึเปล่า มันอาจจะช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้น เพราะมันสร้างความรู้สึกที่แตกต่างให้กับสภาพจิตใจของผม

แทนที่ผมจะมีเทรดแบบเมื่อก่อน ผมเปลี่ยนไปเป็นคนมีความหนักแน่น ไม่หวั่นไหว ในการตัดสินใจ และอยากจะทำตามกฏของตัวผมเอง (ไม่มีใครบังคับผม ผมทำตามกฏที่ผมตั้งขึ้น) ตามแผนของผมเอง และ ตามระบบเทรดของผมเอง

แต่ว่าคราวนี้มันใช้ได้ ไม่จำเป็นต้องแก้ไขอะไรอีก หรือ “เสี่ยงกับการล้างพอร์ท”

ผมไม่ได้พูดถึงเรื่องการจัดการการเงินเพราะว่า ผมคิดว่า มันไม่จำเป็นต้องพูดว่ามันสำคัญขนาดไหน ถ้าคุณยังเทรดอะไรโดยไร้จุดหมาย แต่ว่าผมก็ยอมรับว่า มันมีส่วนสำคัญมากเรื่องการจัดการการเงิน ถ้าคุณต้องการสร้างความสม่าเสมอให้กับรายได้จากการเทรดของคุณ

บทความนี้ยาวมากไปแล้ว ผมขอมอบมันให้คุณ และหวังว่านี่จะเป็นบทความหรือความรู้ที่มีค่าสำหรับคุณ อย่างน้อยซักคนหนึ่งก็ยังดี ตอนนี้เราก้าวเข้าสู่ปี 2011 แห่งการเทรดแล้ว และ อะไรคือสิ่งที่ทำให้คุณสำเร็จล่ะ ?

และอะไรที่ทำให้การเทรด มุมมองการเทรดของคุณเปลี่ยนไปล่ะ ?

ที่มา
Ingot54
http://www.traderslaboratory.com/forums/f208/breakthroughs-led-trading-improvement-success-9057.html#post109081