กฎพื้นฐานของการลงทุน

ข้อที่ 1 จงรู้เสมอว่าเธอกำลังทำงานเพื่อรายได้แบบไหน

รูปแบบของรายได้แบ่งออกเป็น 3 แบบ คือ

1. รายได้จากการทำงาน (Earned Income) ส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปของเงินเดือนจากงานประจำ ซึ่งเป็นรายได้ที่เสียภาษีสูงที่สุด จึงเป็นรายได้ที่จะสร้างความร่ำรวยได้ยากที่สุด

2. รายได้จากพอร์ทการลงทุน เช่น หุ้น พันธบัตร กองทุนรวม ซึ่งเป็นที่นิยมมากที่สุดในบรรดารายได้จากการลงทุน เพราะบริหารจัดการและดูแลได้ง่ายกว่าสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ

3. รายได้จากทรัพย์สิน (Passive income) รายได้ประเภทนี้ได้มาจากอสังหาริมทรัพย์ถึง 80% ส่วนที่เหลือมาจากค่าสิทธิบัตรหรือลิขสิทธิ์ อย่างไรก็ตามรายได้จากทรัพย์สินที่มาจากอสังหาริมทรัพย์ก็ยังมีข้อได้เปรียบทางภาษีอยู่หลายประการ

ข้อที่ 2 จงเปลี่ยนรายได้จากการทำงานไปเป็นรายได้จากทรัพย์สินให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

ข้อที่ 3 การทำให้รายได้จากการทำงานมั่นคงด้วยการซื้อหลักทรัพย์ที่เราหวังว่าจะเปลี่ยนรายได้จากการทำงาน ไปเป็นรายได้จากพอร์ทการลงทุนหรือรายได้จากทรัพย์สิน

ข้อที่ 4 จริงๆแล้วตัวนักลงทุนเองที่เป็นสินทรัพย์หรือหนี้สิน กล่าวคือ คนหลายคนมักพูดว่า “การลงทุนมีความเสี่ยง” แต่ความจริงแล้วนักลงทุนต่างหากที่มีความเสี่ยง ท้ายที่สุดนักลงทุนก็เป็นสินทรัพย์หรือหนี้สินด้วย นักลงทุนที่ดูจะชอบเดินตามหลังนักลงทุนที่เสี่ยง เพราะเขาจะได้ของดีราคาถูก

ข้อที่ 5 นักลงทุนที่แท้จริงจะต้องเตรียมตัวให้พร้อมที่จะรับมือกับทุกสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ในขณะที่คนที่ไม่ใช่นักลงทุนจะพยายามคาดเดาว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างและจะเกิดขึ้นเมื่อไร กล่าวคือ มีคนมากมายถอยห่างออกมาเมื่อเขาพบโอกาสในการลงทุนที่ดี เพราะความกลัวภายในใจของพวกเขา เขาเริ่มจะคาดเดาว่าสิ่งเลวร้ายกำลังจะเกิดขึ้น นั่นทำให้พวกเขาขายในเวลาที่ไม่สมควรและซื้อบางอย่างที่ไม่ควรซื้อ โดยอิงจากการคาดเดาไม่ว่าจะเป็นในด้านดีหรือร้าย แต่นั่นเป็นเรื่องที่จัดการได้ เพียงแต่เราต้องมีความรู้ประสบการณ์และเตรียมตัวให้พร้อม ตัวอย่างเช่น เทคนิคในการซื้อขายพื้นฐานที่นักลงทุนมืออาชีพทุกคนต้องรู้เทคนิคการขาย ก่อนซื้อใบสำคัญแสดงสิทธิในการซื้อ ใบสำคัญแสดงสิทธิในการขาย เป็นต้น

ข้อที่ 6 ถ้าเราเตรียมพร้อมด้านประสบการณ์และการศึกษาแล้ว และได้พบข้อตกลงที่ดี เงินจะมาหาเราเอง หรือเราจะหาเงินได้เอง หมายความว่า เมื่อค้นพบข้อตกลงที่ดี ข้อตกลงนั้นจะดึงดูดเงินเข้ามาเอง แต่หากข้อตกลงนั้นไม่ดีมันก็ยากที่จะดึงดูดเงินมาได้

ข้อที่ 7 ความสามารถในการประเมินผลและผลตอบแทน ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณมีแผนการการลงทุนทั้งสองแผนพร้อมแล้ว คุณสะสมเงินรองรับไว้มากพอสมควร สมมติว่ามีเงินเหลือสัก 25,000 เหรียญ คุณก็สามารถนำเงินนั้นไปลงทุนในสิ่งที่เสี่ยงกว่าได้

ความรู้ทางการเงิน

ความรู้ทางการเงินเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับทุกคนที่ต้องการเป็นนักลงทุนมืออาชีพและเจ้าของกิจการ นักลงทุนที่ชาญฉลาดควรจะอ่านเอกสารทางการเงินชนิดต่างๆได้ ซึ่งหัวใจสำคัญของเอกสารทั้งหมดเหล่านั้นก็คืองบกำไรขาดทุนและงบดุล เพราะความสัมพันธ์ระหว่างงบกำไรขาดทุนและงบดุลจะทำให้เรารู้ว่าอะไรเป็นสินทรัพย์และอะไรเป็นหนี้สิน โดยพิจารณาจากช่องรายรับรวมกับรายจ่าย

พื้นฐานความรู้ทางการเงิน

1. ทิศทางกระแสของเงินสดจะเป็นตัวบ่งบอกว่าขณะนั้นสิ่งนั้นจัดเป็นสินทรัพย์หรือหนี้สิน คำจำกัดความของสินทรัพย์ คือ “สินทรัพย์จะทำให้เงินไหลเข้ามาในกระเป๋าของคุณ” ส่วนคำกำจัดความของคำว่าหนี้สิน คือ “หนี้สินจะเอาเงินออกไปจากกระเป่าของคุณ”

2. ต้องใช้งบการเงินอย่างน้อย 2 งบ กล่าวคือ นักลงทุนที่ชาญฉลาดต้องดูงบการเงินอย่างน้อย 2 งบพร้อมๆกันทั้งของคุณและของคนอื่น และจงจำไว้ว่ารายจ่ายทุกๆรายการของคุณคือรายรับของคนอื่น และดังนั้นรายการหนี้สินทุกรายการจงเป็นสินทรัพย์ของคนอื่น ตัวอย่างเช่น นายธนาคารบอกกับคุณว่า “บ้านของคุณเป็นสินทรัพย์” พวกเขาไม่ได้พูดโกหก แต่เขาไม่ได้บอกว่าเป็นสินทรัพย์ของใคร การจำนองของเราเป็นสินทรัพย์ของธนาคารและเป็นหนี้สินของเรา ฉะนั้นสิ่งที่นักลงทุนควรจะทำก็คือ ซื้อสินทรัพย์ที่ได้รายรับจากคนอื่น เช่น ซื้อบ้านให้เช่า ซึ่งทุกๆเดือนจะได้ค่าเช่าเป็นกระแสเงินสดไหลเข้ามายังงบกำไรขาดทุนของคุณ ในขณะเดียวกันเงินค่าผ่อนชำระเงินกู้ก็ไหลเข้าไปยังงบกำไรขาดทุนของธนาคาร

การเรียนรู้บทเรียนการลงทุนจากความผิดพลาด

ความเสี่ยง ความผิดพลาดและความล้มเหลวเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยพัฒนาตัวเองของมนุษย์ให้สมบูรณ์ขึ้น ดังนั้นแทนที่จะหลีกเลี่ยงความผิดพลาด คุณควรเรียนรู้ที่จะจัดการกับความเสี่ยงและความผิดพลาด เพราะความผิดพลาดเป็นเสมือนบทเรียนบทหนึ่งที่ที่มีความสะเทือนใจเจือปนอยู่ด้วย เมื่อไรก็ตามที่เราทำผิดพลาดเราย่อมรู้สึกผิดหวัง ความผิดหวังเป็นสิ่งที่บอกเราว่าเราจำเป็นต้องเรียนรู้บางสิ่ง ถ้าเราโกหกเอาแต่โทษคนอื่น เอาแต่หาเหตุผลหรือเอาแต่ปฏิเสธ คุณก็เสียโอกาสเปล่าๆ และจะสูญเสียอัญมณีแห่งสติปัญญาที่มีค่าไปด้วย เหมือนดังคำกล่าวที่ว่า “ความล้มเหลวครั้งยิ่งใหญ่ที่สุด คือการไม่เคยล้มเหลวเลย”

คุณสมบัติของผู้ต้องการเป็นมหาเศรษฐี

จะต้องประกอบด้วย 5-D ได้แก่

1. ความฝัน (Dream)

2. ความทุ่มเท (Dedication)

3. ความอุตสาหะ (Drive)

4. ข้อมูล (Data)

5. เงิน (Dollars)

GUIDE TO INVESTING พ่อรวยสอนลงทุน .