ประเภทของนักลงทุน
1. นักลงทุนที่ได้รับการรับรอง (Accredited investor)
คือคนที่มีรายได้สูงหรือมีทรัพย์สินสุทธิสูงมากกว่าคนทั่วไป แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะรวยหรือมความรู้เกี่ยวกับการลงทุน
3-E กับนักลงทุนที่ได้รับการรับรอง
สิ่งที่นักลงทุนที่ได้รับการรับรองควรตระหนักอยู่เสมอว่า ถึงแม้ว่าคุณจะเป็นนักลงทุนที่ได้รับการรับรองแล้ว คุณยังต้องหาความรู้และประสบการณ์เพื่อที่จะก้าวต่อไปเป็น นักลงทุนที่มีคุณภาพ นักลงทุนภายใน และนักลงทุนชั้นยอด
2. นักลงทุนที่มีคุณภาพ (Qualified investor)
คือเป็นคนที่มีเงินและมีความรู้เกี่ยวกับการลงทุน นักลงทุนที่มีคุณภาพมักจะเป็นนักลงทุนที่ได้รับการรับรองด้วย นักลงทุนเหล่านี้มักจะเป็นมืออาชีพที่มีความรู้ความเข้าใจถึงความแตกต่างระหว่างการลงทุน โดยอาศัยปัจจัยพื้นฐาน และการลงทุนโดยอาศัยปัจจัยทางเทคนิค กล่าวคือ
1. การลงทุนโดยอาศัยปัจจัยทางพื้นฐาน โดยจะวิเคราะห์งบการเงิน รวมทั้งดูสภาพเศรษฐกิจโดยรวม และแนวโน้มของอุตสาหกรรมที่บริษัทนั้นอยู่ก่อนจะลงทุน
2. การลงทุนโดยอาศัยปัจจัยทางเทคนิค โดยดูจากทิศทางและอารมณ์ของตลาดและระวังไม่ให้ขาดทุนมากเกินไป ปัจจัยสำคัญที่สุดที่จะเลือกหุ้นดีๆ คือ อุปสงค์และอุปทานของหุ้น
สิ่งที่อยู่ในความควบคุมของนักลงทุนที่มีคุณภาพ
1. ตัวเอง
2. อัตราส่วนรายรับ/รายจ่าย และสินทรัพย์/หนี้สิน
3. จังหวะเวลาที่ซื้อขาย
3-E ที่นักลงทุนมีคุณภาพมี
1. ความรู้
2. เงิน(อาจจะ)เหลือ
3. นักลงทุนผู้ชาญฉลาด (Sophisticated investor)
คือคนที่มีความเข้าใจในโลกของการลงทุน และสามารถใชักฎหมายภาษี กฎหมายห้างหุ้นส่วนจำกัด กฎหมายหลักทรัพย์ เพื่อเพิ่มรายได้และปกป้องเงินลงทุนด้วย การที่นักลงทุนผู้ชาญฉลาดมีความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับกฎหมายจะทำให้ใช้ประโยชนจาก E-T-C ซึ่งย่อมาจาก รูปแบบธุรกิจ (Entity) จังหวะเวลา (Timing) และลักษณะของรายได้ (Characteristic)
E หมายถึง ความสามารถในการควบคุม Entity หรือรูปแบบของบุคคลที่จะทำนิติบุคคลที่จะทำธุรกิจ เช่น ถ้าคุณเป็นลูกจ้างคุณก็ไม่สามารถที่จะควบคุม E ได้เลย เพราะไม่ว่าเขาจะทำงานหนักมากน้อยแค่ไหนและได้รับเงินมากแค่ไหนก็ตาม รัฐบาลก็จะได้เงินไปก่อนจากการหักภาษี ณ.ที่จ่าย
T (Timing) จังหวะเวลาเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะในที่สุดแล้วเราต้องเสียภาษี การเสียภาษีเป็นรายจ่ายของสังคมส่วนรวม ความเข้าใจในด้านกฎหมายจะช่วยให้คุณควบคุมเวลาในการจ่ายภาษีได้
C (Characteristic) ลักษณะของรายได้ เปรียบได้กับนักลงทุนเป็นเจ้ามือ คนอื่นเป็นคนพนัน คนรวยรวยได้เพราะเขาควบคุมเงินของเขาได้ดีกว่าคนจนและชนชั้นกลาง ถ้าคุณเข้าใจว่าเกมของเงินคือเกมของการควบคุม คุณก็จะไม่สนใจแต่การทำเงินให้ได้มากขึ้น แต่จะควบคุมการเงินให้ได้มากขึ้น
สิ่งที่อยู่ในความควบคุมของนักลงทุนผู้ชาญฉลาด
1. ตัวเอง
2. อัตราส่วนรายรับ/รายจ่าย และสินทรัพย์/หนี้สิน
3. ภาษี
4. จังหวะเวลาที่ซื้อขาย
5. รายการซื้อและขาย
6. E-T-C
3-E ที่นักลงทุนผู้ชาญฉลาดมี
1. การศึกษา
2. ประสบการณ์
3. เงินเหลือ
4. นักลงทุนที่เป็นผู้บริหารหรือนักลงทุนภายใน (Inside Investor)
คือ ผู้ที่มีเป้าหมายในการสร้างธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ ลักษณะที่สำคัญของนักลงทุนวงในคือ มีอำนาจควบคุมการบริหารงาน ซึ่งนักลงทุนประเภทนี้ไม่จำเป็นต้องมีรายได้หรือสินทรัพย์สุทธิมาก ผู้บริหารหรือผู้ถือหุ้นเกินกว่า 10% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ก็ถือว่าเป็นนักลงทุนวงในเช่นกัน
สิ่งที่อยู่ในการควบคุมของนักลงทุนวงใน
1. ตัวเอง
2. อัตราส่วนรายรับ/รายจ่าย และสินทรัพย์/หนี้สิน
3. การบริหารการลงทุน
4. ภาษี
5. จังหวะเวลาที่ซื้อขาย
6. ธุรกรรมที่นายหน้าของคุณทำ
7. E-T-C
8. ข้อกำหนดและเงื่อนไขของสัญญา
9. การเข้าถึงข้อมูล
3-E ที่นักลงทุนผู้ชาญฉลาดมี
1. การศึกษา
2. ประสบการณ์
3. เงินเหลือ
5. นักลงทุนชั้นยอด (Ultimate Investor)
คือ การเป็นผู้ถือหุ้นด้านขาย
สิ่งที่อยู่ในการควบคุมของนักลงทุนวงใน
1. ตัวเอง
2. อัตราส่วนรายรับ/รายจ่าย และสินทรัพย์/หนี้สิน
3. การบริหารการลงทุน
4. ภาษี
5. จังหวะเวลาที่ซื้อขาย
6. รายการซื้อและขาย
7. E-T-C
8. ข้อกำหนดและเงื่อนไขของสัญญา
9. การเข้าถึงข้อมูล
10. การตอบแทนให้สังคม การทำสาธารณกุศล และการกระจายความมั่งคั่งอยางทั่วถึง
3-E ที่นักลงทุนผู้ชาญฉลาดมี
1. การศึกษา
2. ประสบการณ์
3. เงินเหลือ