บทที่ 7

William’s %R

เครื่องมือนี้ถูกตั้งตามชื่อของผู้คิดค้นคือนาย Larry William โดยอาศัยแนวความคิดเดียวกับ Stochastic เพียงแต่ในการสร้างกราฟ จะกลับหัวทิศทางคือ Scale จะไต่จาก 0 ลงมาหา 100 หรือว่ามีค่าน้อยอยู่ข้างบนนั่นเอง ดังนั้นเขต Overbought ก็หมายถึงบริเวณที่อยู่สูงกว่าเส้น 20 ขึ้นไปและ Oversold คือเขตที่ต่ำกว่าเส้น 80 ลงมา สูตรก็เกือบจะเหมือนกับ Stochastic เลย เพียงแต่แทนที่จะวัดราคาปิดเทียบกับราคาต่ำสุด กลับวัดระยะระหว่างราคาปิดกับราคาสูงสุดในระยะเวลา N วัน แต่โดยทั่วไปจะใช้ 10 วัน (N = 10 ซึ่งต่างจาก Stochastic ที่ใช้ 5 วัน)

ความที่ William’s %R มันเกือบจะเหมือนกับ Stochastic เลยนี่ละครับ (ต่างกันแค่จำนวนวัน 5 วัน กับ 10 วัน) บางคนก็เลยเรียก William’s %R อีกอย่างหนึ่งว่า 10-day Stochastic

ในกรณีของ William’s %R นี้เราจะใช้เส้น 80, 20 แทนเส้น 70, 30 ของ Oscillator ตัวที่ผ่านๆมาเพราะว่า William’s %R จะมีความไวค่อนข้างเร็วมาก ทำให้อาจเกิดสัญญาณหลอกได้ง่ายจึงขยายช่วงให้กว้างขึ้น อันที่จริงตัว William’s เองแกเสนอไว้ที่ต่ำกว่า 95% เป็นสัญญาณซื้อ (อย่าลืมนะครับว่าค่ามันวิ่งกลับหัว จาก 0 เป็นมากสุด และไล่ลงมาเป็น 100 น้อยสุด) และสูงกว่า 10% เป็นสัญญาณขาย

อันที่จริงแล้ว William’s ไม่ได้เสนอการใช้ moving average มาเป็นตัวส่งสัญญาณแบบเดียวกับ Stochastic แต่นักวิเคราะห์บางท่านก็นำเอา moving average มาใช้ประกอบด้วย แต่เนื่องจาก William’s %R เองมันก็เป็น Stochastic แบบหนึ่ง ดังนั้น มันจึงวิ่งเร็วมาก จนบางครั้งก็ให้สัญญาณผิดพลาดได้ นักวิเคราะห์ทางเทคนิคบางคน จึงใช้มันเป็นเพียงตัวประกอบกับเครื่องมือทางเทคนิคอื่นๆเท่านั้น

สำหรับตัวอย่างการใช้ William’s %R กับราคาหุ้น ได้แสดงไว้ในตัวอย่างที่ 7.6 ซึ่งลูกศรที่อยู่ต่ำกว่าหรือเท่ากับ -95 หมายถึงเป็นจังหวะซื้อหรือเก็บของตามหลักการข้างต้น ในทางกลับกัน ลูกศรที่อยู่เหนือหรือเท่ากับ -10 ตามตัวอย่าง จะเป็นจังหวะขาย หรือระบายหุ้นออกมา อย่างไรก็ตาม หากสังเกตให้ดี จะเห็นว่าการปรับตัวของ William’s %R บางที ราคาหุ้นก็ไม่ค่อยสนองตอบเท่าไร เช่นบริเวณหมายเลข 1, 2 และ 3 ซี่งกว่าราคาหุ้นจะปรับลงมาสุด แล้วดีดตัวขึ้น William’s %R กระแทกเส้น -100 ถึง 3 ครั้ง (ว่ากันว่า William’s %R หากเข้ามาอยู่ในบริเวณใกล้ศูนย์ หรือ -100 และมีการปรับตัวลงหรือขึ้น ราคาก็มีโอกาสที่จะปรับตัวลงหรือขึ้นตามในวันถัดไป) นอกจากนี้ William’s %R ก็สามารถที่จะทำ Divergence กับราคาได้เช่นเดียวกัน ซึ่งก็จะทำให้สัญญาณมีนัยสำคัญมากขึ้น

เนื้อหาต่อไป : KST Index หรือ Summed Rate of Change Index

prevcontentnext

เนื้อหาก่อนหน้า : Relative Momentum Index (RMI)