บทที่ 2
รูปแบบง่ายๆกับแท่ง Bar
ก่อนที่จะพาท่านตะลุยไปกับรูปแบบต่างๆ ของ Bar Chart เราจะมาพูดกันถึงรูปแบบง่ายๆ ที่วัดกันด้วยแท่งไม่กี่แท่งก่อนอันที่จริงรูปแบบง่ายๆ เหล่านี้ ไม่ค่อยมีใครพูดถึงกันมากนักในตำราด้านวิเคราะห์ทางเทคนิค อาจจะเพราะมันเรียบง่ายเกินไป จนบางท่านคิดว่าไม่มีความสำคัญอะไร แต่รูปแบบเหล่านี้ ก็มีอยู่หลายอัน ที่มีแนวความคิดใกล้เคียงกับ Japanese Candlestick พอสมควร ดังนั้น การรู้รูปแบบนี้ไว้แต่เนิ่นๆ ก็คงจะไม่เสียหลาย นอกจากนี้ รู้มากไว้คงไม่เป็นไรจะใช้หรือไม่ใช้เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
.Upside Reversal [R+] และ Downside Reversal [R-].
เป็นรูปแบบของการเปลี่ยนแปลงทิศทางในระยะสั้น โดยอาศัยแท่งกราฟเพียง 2 แท่ง บวกกับแนวโน้มระยะสั้นของข้อมูลในอดีต
Upside Reversal คือกรณีที่แนวโน้มระยะสั้น ที่ผ่านมาของราคาเป็นแนวโน้มลง และราคาต่ำสุดวันนี้น้อยกว่าราคาต่ำสุดเมื่อวานนี้ แต่ราคาปิดวันนี้กลับสูงกว่าราคาปิดเมื่อวานนี้ (Lt < Lt-1 แต่ Ct > Ct-1) ลักษณะเช่นนี้ แสดงว่าได้มีการพยายามดันราคาให้ต่ำลงไปกว่าเมื่อวานนี้อีก แต่ว่ามีแรงซื้อหนุนเข้ามาในระหว่างวัน ทำให้ราคาปิดสามารถขยับตัวได้สูงขึ้นกว่าเมื่อวานนี้ ซึ่งโอกาสที่ตลาดจะดีดตัวกลับเป็นแนวโน้มขึ้นในระยะสั้นก็มีอยู่พอสมควร
Downside Reversal จะเหมือนกับ Upside Reversal เพียงแต่กลับกัน กล่าวคือแนวโน้มระยะสั้นเป็นแนวโน้มขึ้น และราคาสูงสุดวันนี้ก็สูงกว่าราคาสูงสุดเมื่อวานนี้ แต่ราคาปิดวันนี้กลับต่ำกว่าราคาปิดเมื่อวานนี้ (Ht > Ht-1) แต่ (Ct < Ct-1)
.Key Upside Reversal (KR+) และ Key Downside Reversal (KR-).
เป็นกรณีพิเศษของ Upside และ Downside Reversals ซึ่งจะให้สัญญาณแรงกว่า กล่าวคือในกรณีของ Key Upside Reversal นอกจากราคาต่ำสุดวันนี้จะต่ำกว่าราคาต่ำสุดเมื่อวานนี้ แต่ราคาปิดวันนี้สูงกว่าเมื่อวานนี้ ดังในกรณีของ Upside Reversal แล้ว ราคาสูงสุดวันนี้ยังสูงกว่าราคาสูงสุดเมื่อวานนี้อีกด้วย (Lt < Lt-1, Ct > Ct-1, Ht > Ht-1)
เช่นเดียวกัน ในกรณีของ Key Downside Reversal จะต้องการเงื่อนไขเพิ่มขึ้นอีกอันเงื่อนไขหนึ่ง คือ ราคาต่ำสุดวันนี้ต้องต่ำกว่าราคาต่ำสุดเมื่อวานนี้ (Ht > Ht-1, Ct < Ct-1, Lt < Lt-1)
นักวิเคราะห์ทางเทคนิคบางท่าน บอกว่า KR+ และ KR- จะให้สัญญารณที่แม่นยำ ถ้าหากช่วงวันที่เกิด KR นั้น มีปริมาณการซื้อขายแน่นหนา และสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่บางท่านก็ไม่เข้มงวดกับกฎข้อนี้นัก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อใช้ KR กับเครื่องมือทางเทคนิคอื่นๆ
.Close on High (COH) และ Close on Low (COL).
Close on High คือการที่ราคาปิดวันนี้อยู่ใกล้กับระดับราคาสูงสุดของวันมาก กล่าวคือ ช่วงจากราคาสูงสุดลงมาหาราคาปิด ไม่เกินไปกว่า 10 % ของช่วงราคาสูงสุดมาหาราคาต่ำสุด [(H-C) <=0.1 (H-L)] พูดง่ายๆ ว่า วันนี้ปิดที่ใกล้ราคาสูงนั่นเอง
Close on Low ก็เหมือนกัน กล่าวคือ เป็นการที่ราคาปิดในวันนี้ได้ปิดตัวอยู่ใกล้ราคาต่ำสุด กล่าวคือ ช่วงจากราคาปิดลงมาหาราคมต่ำสุด ไม่เกินไปกว่า 10 % ของช่วงราคาสูงสุดมาหาราคาต่ำสุด [( C-L <= 0.1 H-L)]
ความสำคัญของ COH และ COL ขึ้นอยู่กับความยาวของแท่ง กล่าวคือถ้าแท่งยิ่งยาว COH และ COL ก็จะมีความสำคัญมากขึ้น อย่างไรก็ดี สัญญาณ ของ COH และ COL ค่อนข้างอ่อนอยู่มากนะ แต่ถ้านำมาประกอบกันกับสัญญาณอื่นๆ เช่น R+,R-, KR+, KR- ก็ใช้เป็นสัญญาณยืนยันการเปลี่ยนทิศทางระยะสั้นได้ นอกจากนี้ ถ้าเอา COH กับ COL สองวันมารวมกัน ก็จะได้สัญญาณอีกรูปแบบหนึ่งซึ่งจะพูดเป็นหัวข้อต่อไปครับ
.High to Low Close Signal (HLC) และ Low to High Close Signal (LHC).
High to Low Close Signal คือการที่วันแรกเกิด Close on High (COH) และ วันที่สองเกิด Close on Low (COL) ตามมาทันที สัญญาณแบบนี้แสดงว่า ตลาดน่าจะลง (Bearish) ส่วน Low to High Close Signal ก็กลับกันคือ วันแรกเกิด COL และวันที่สองก็เกิด COH ทันที ซึ่งสัญญาณกรณีหลังแสดงถึงความพยายามที่จะกดราคาลงในวันแรกนั้น ไม่สามารถทำได้สำเร็จในวันที่สอง นอกจากนี้ยังเจอแรง ในทิศทางตรงกันข้ามสวนมาอีกต่างหาก ก็น่าจะเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนทิศทาง นอกจากนี้ HLC และ LHC จะให้สัญญาณที่แม่นยำมากขึ้น ถ้าหากการฟอร์มตัวของมันเกิดมี R หรือ KR เกิดขึ้นพร้อม ๆ กัน
.3 Highs (3H+) และ 3 Lows (3L-).
อันนี้เป็นรูปแบบง่ายๆ คือถ้าราคาปิดวันนี้เป็นราคาที่สูงที่สุดสำหรับราคาปิดในรอบ 3 วัน ที่ผ่านมา จะเป็น 3H+ ซึ่งเป็น Bullish Signal แต่ถ้าราคาปิดวันนี้ ต่ำกว่าราคาปิดในรอบ 3 วันที่ผ่านมา จะเป็น 3L- ซึ่งเป็น Bearish Signal อันที่จริง 3H+ และ 3L- เหมาะสำหรับนำมาใช้ควบคู่กับการวิเคราะห์วัฎจักร (ซึ่งจะพูดถึงในบทที่ 12 ) โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกิดสัญญาณใกล้ ๆ กับช่วงของการเปลี่ยนทิศทางของวัฏจักร