บทที่ 13
ทฤษฎีคลื่นวัฏจักร Cycles Theory
ในภาคสอง เราได้พูดถึงรูปแบบของแนวโน้ม ตลอดจนดัชนีเครื่องชี้ต่างๆ โดยได้เน้นว่าการเลือกใช้เครื่องมือต่างๆเหล่านี้ จะต้องพิจารณาให้ถ่องแท้ว่า เรากำลังเลือกลงทุนในระยะใด ระยะยาว ระยะปานกลาง หรือระยะสั้น นอกจากนี้ ในบทที่ 11 เราได้พูดถึงรูปแบบต่างๆของทฤษฎีคลื่นของ Elliott ซึ่งแสดงให้เห็นว่าในคลื่นก็ยังประกอบไปด้วยคลื่นย่อยลงไปอีก ซึ่งสิ่งเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นการแยกแยะเลือกเล่นในระยะเวลา (Time-Frame) ขนาดไหน หรือ คลื่นเป็นคลื่นหลักหรือคลื่นย่อย ก็ล้วนแต่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับวัฎจักร (Cycle) ทั้งสิ้น
อันที่จริงแล้ว ในชีวิตประจำวันของเรา แทบจะทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีการเคลื่อนไหวแบบวัฎจักรทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นกระแสไฟฟ้า การเคลื่อนไหวของดวงดาว หรือกระแสน้ำ แม้แต่การเดินทางมาทำงานและกลับบ้าน ก็เป็นวัฎจักร ดังนั้น การเข้าใจในเรื่องของวัฎจักร ก็มีส่วนช่วยให้เราสามารถเข้าใจการเคลื่อนไหวและแนวโน้มของสิ่งต่างๆได้ดีขึ้น เรื่องของราคาหุ้นก็เช่นเดียวกันครับ
ในบทนี้ เราจะมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับวัฎจักร ตลอดจนการหาหรือวัดขนาดของวัฎจักรแบบง่ายๆกัน จากนั้นจะเป็นการนำเอารอบวัฎจักรที่หาได้ มาประกอบใช้กับเครื่องมือต่างๆที่เราได้เรียนมาจากบทต้นๆ
.องค์ประกอบของอนุกรมเวลา.
(Time Series Decomposition)
สำหรับท่านที่เคยเรียนเรื่องอนุกรมเวลา สมัยที่เรียนวิชาสถิติมาบ้างแล้ว คงจะยังพอจำได้ว่า เราแบ่งอนุกรรมเวลาออกเป็น 4 ส่วนใหญ่ๆคือ (ในที่นี้จะใช้ราคาเป็นตัวอย่างของอนุกรมเวลา)
1. แนวโน้ม (Trend) ซึ่งหมายถึงแนวโน้มหลักของราคา
2. การเคลื่อนไหวตามฤดูกาล (Seasonality) เป็นการเคลื่อนไหวตามฤดูกาลของแต่ละปี ซึ่งจะบรรจบครบรอบใน 1 ปี เช่น พอถึงหน้ามะม่วง ราคามะม่วงก็จะถูก เพราะมีผลผลิตออกมาเยอะ แต่พอหมดหน้ามะม่วง ราคาก็จะแพงขึ้น เนื่องจากมะม่วงที่ออกนอกฤดูกาลมีน้อย เป็นต้น
3. การเคลื่อนไหวแบบวัฎจักร (Cycle) ซึ่งหมายถึงการเคลื่อนไหวที่หมุนวนเป็นวัฎจักร เช่น การเคลื่อนไหวของดวงจันทร์ ซึ่งส่งผลให้เกิดน้ำขึ้นน้ำลง เกิดข้างขึ้นข้างแรมสลับกันไปมา เป็นต้น
4. การเคลื่อนไหวที่ไม่มีทิศทาง (Irregularity) ซึ่งเกิดจากสิ่งที่คาดการณ์ไม่ได้ หรือเกิดในลักษณะมั่วสุม
อย่างไรก็ดี แม้ว่าเราจะสามารถแบ่งอนุกรมเวลาออกเป็น 4 ส่วนได้ แต่จะเห็นได้ว่า ทั้ง 4 ส่วนนี้ สามารถทดแทนได้ด้วยวัฎจักรเพียงอย่างเดียว เราสามารถมองแนวโน้มว่าเป็นวัฎจักรที่มีความยาวมากๆจนกระทั่งเราดูเหมือนกับมันเป็นแนวโน้ม ในขณะเดียวกัน การเคลื่อนไหวแบบฤดูกาลนั้น ความจริงก็เป็นเพียงกรณีพิเศษของวัฎจักร ซึ่งบรรจบครบรอบวัฎจักรได้ใน 1 ปีพอดี แม้แต่การเคลื่อนไหวแบบไม่มีทิศทางเราก็ยังสามารถมองได้ว่ามันเป็นวัฎจักรลูกย่อยๆ ที่เล็กมากจนแทบไม่มีนัยสำคัญ