โซนยุโรป
สหภาพยุโรป ประกอบด้วยสมาชิก 27 ประเทศซึ่งเริ่มจากกลุ่มเล็กๆ ของประเทศเพื่อนบ้านในปี 1951 แต่ด้วยเวทมนตร์อันยิ่งใหญ่ของ Treaty of Maastrich มันเริ่มขยายใหญ่กลายเป็นกลุ่มเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ทำให้เป็นภูมิภาคเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งมีส่วนสำคัญในการเทรดและกลุ่มเศรษฐกิจ!
ท่ามกลาง สมาชิก EU 16 ประเทศนั้นใช้ค่าเงิน ยูโร ในฐานะเงินหลักของพวกเขา ซึ่งประเทศเหล่านี้เรียกว่า European Monetary Union (EMU) หรือ Euroland
สมาชิกของกลุ่มสหภาพยุโรปมีดังนี้ : ออสเตรีย เบลเยี่ยม ไซปรัส ฟินแลนด์ ฝรั่งเศส เยอรมันนี กรีซ ไอร์แลนด์ อิตาลี ลักเซมเบิร์ก มอลต้า เนเธอแลนด์ โปรตุเกตุ สโลวะเกีย สโลเวเนีย และ สเปน
นอกจาก จะใช้ค่าเงินเดียวกัน ยังใช้นโยบายการเงินร่วมกันโดยจัดตั้ง European Central Bank


สหภาพยุโรป : ภาพลักษณ์โดยรวม
- กลุ่มประเทศสมาชิก : ออสเตรีย เบลเยี่ยม ไซปรัส ฟินแลนด์ ฝรั่งเศส เยอรมันนี กรีซ ไอร์แลนด์ อิตาลี ลักเซมเบิร์ก มอลต้า เนเธอแลนด์ โปรตุเกตุ สโลวะเกีย สโลเวเนีย และ สเปน
- ขนาด : 1,669,807ตารางไมล์
- ขนาดประชากร : 501,259,840
- ความหนาแน่นของประชากร : 300.2 คนต่อตารางไมล์
- ประธานกลุ่มสหภาพ : Jose Manuel Barroso
- ประธานกลุ่มสมาชิกรัฐสภา : Jerzy Buzek
- ประธานกลุ่มสมาชิกสภา : Herman Van Rompuy
- ค่าเงิน : ยูโร (EUR)
- สินค้านำเข้าหลัก : เครื่องจักร ยานยนต์ อากาศยาน พลาสติก น้้ามันดิบ อุตสาหกรรมเคมี สิ่งทอ โลหะ
- สินค้าส่งออกหลัก : เครื่องจักร รถยนต์ อากาศยาน พลาสติก เวชภัณฑ์ และ สารเคมีอื่นๆ เช่น Antonio Banderas, Penelope Cruz, Jean-Claude "The Muscles from Brussels" van Damme
- ประเทศคู่ค่า : จีน 15.89%, สหรัฐฯ 11.97%, รัสเซีย 11.22%, นอร์เวย์ 6.13%, สวิตเซอร์แลนด์ 5.14%
- ประเทศคู่ค่าส่งออก : สหรัฐ 19.07%, รัสเซีย 8.03%, สวิตเซอร์แลนด์ 7.49%, จีน 6%, ตุรกี 4.14%
- Time Zones : GMT, GMT+1, GMT+2
- เว็บไซต์ : http://www.europa.eu
ภาพรวมเศรษฐกิจ
สหภาพยุโรป ซึ่งประกอบด้วยครึ่งหนึ่งของกลุ่มประเทศที่อยู่ในยุโรป ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีขนาดเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ด้วย GDP ถึง €8.7 ล้าน ๆ ยูโรในปี 2009 ซึ่งเป็นธุรกิจบริการคิดเป็น 70% ของ GDP!
มากไปกว่านั้น สหภาพยุโรปยังเป็นตลาดที่น่าลงทุนสำหรับนักลงทุนจากภายในและภายนอกอีกด้วย
สภาพเศรษฐกิจของกลุ่มเศรษฐกิจ ภาคพื้นยุโรปที่เป็นระบบ ระเบียบทำให้ขนาดเศรษฐกิจของสหภาพยุโรปมีส่วนสำคัญต่อเศรษฐกิจของภูมิภาคนี้
เพราะว่าแต่ละประเทศได้รวมกันเป็นหนึ่งเดียวทำให้พวกเขาง่ายต่อการแลกเปลี่ยนสินค้าบริการต่อประเทศคู่ค้าอย่างสหรัฐฯอเมริกา
ซึ่งสหภาพยุโรปยังเป็นประเทศที่ค้าขายสำคัญ ทำให้ค่าเงินยูโรเป็นค่าเงินที่ต้องมีการสำรองไว้ด้วยเช่นกัน
เพราะว่า ประเทศต่าง ๆ ที่ทำการค้าขายกับกลุ่มสหภาพยุโรปต้องสำรองเงินยูโรเพื่อลดอัตราเสี่ยงและลดต้นทุนการทำการค้าลง
นโยบายการเงินและการคลัง
ธนาคารกลางยุโรป European Central Bank (ECB) ทำหน้าที่ในการกำหนดนโยบายทางการเงินให้กับกลุ่มสหภาพยุโรป ซึ่งนำโดย t ECB President Jean-Claude Van Damme... errr, เอ่อ เราหมายถึง Jean-Claude Trichet, the Executive Board ซึ่งประกอบไปด้วย รองประธานบอร์ด กับผู้กำหนดนโยบายท่านอื่น ๆ อีก
ควบคู่ไปกับธนาคารกลางแห่งชาตินั้น พวกเขายังมีสภา ECB Governing Council ผู้ที่ต้องโวตการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินต่าง ๆ
จุดประสงค์หลักของ ECB คือรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจในภูมิภาค เพื่อจะบรรลุวัตถุประสงค์นี้ พวกเขาได้ตั้งMaastricht Treaty เพื่อนจะกำหนดคุณสมบัติของประเทศสมาชิกขึ้น และนี่คือความต้องการพื้นฐานเหล่านั้น :
- อัตราเงินเฟ้อ ของประเทศต้องไม่สูงเกินกว่าอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ย ซึ่งกำหนดไว้ที่ประมาณ 1.5 %
- อัตราดอกเบี้ยระยะยาวต้องไม่เกินอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยใจช่วงที่มีภาวะเงินเฟ้อต่ำสุด มากกว่า 2%
- อัตราแลกเปลี่ยนต้องอยู่ภายในระยะของกลไกอัตราแลกเปลี่ยน อย่างน้อยสองสามปี
- ค่าใช้จ่ายภาครัฐฯ ต้องน้อยกว่า 3% $ ของ GDP
ถ้าประเทศใดประเทศหนึ่ง ไม่สามารถรักษาเงื่อนไขเหล่านี้ได้ พวกเขาจะโดนปรับ !
ECB ยังใช้อัตรา Bid ขั้นต่ำและนโยบายตลาดแบบเปิดเป็นนโยบายทางการเงินของพวกเขา ซึ่งอัตรา Bid ขั้นต่ำคืออัตราผลตอบแทนที่ธนาคารกลางเสนอให้กับประเทศสมาชิก และใช้อัตราเหล่านี้ในการควบคุมเงินเฟ้อ
ระบบตลาดแบบเปิด ถูกใช้จัดการอัตราดอกเบี้ย ควบคุมสภาพคล่องและดำเนินนโยบายการเงินเช่น การซื้อขายพันธบัตร หรือ ตราสาร หลักทรัพย์ต่างๆ ของรัฐบาลที่ซื้อขายในตลาด
ในการเพิ่มสภาพคล่อง ECB จะซื้อหลักทรัพย์เหล่านั้น และจ่ายด้วยเงินยูโร ซึ่งมันก็จะหมุนในตลาด และในทางกลับกันเพื่อที่จำกัดสภาพคล่อง ECB จะขายหลักทรัพย์เพื่อจะเก็บเงินยูโรกลับเข้ามาในคลัง
นอกจากนี้ ECB ยังสามารถแทรกแทรง ตลาดค่าเงินเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ ด้วยเหตุนี้ นักเทรดจึงให้ความสนใจต่อการตัดสินใจต่างๆ ของ สมาชิก Governing Council ที่มีผลกระทบกับค่าเงินยูโร
ทำความรู้จักกับค่าเงิน EUR
นอกจากมันจะเคลื่อนไหวตรงข้ามกับค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯแล้วและเราเลยเรียกมันว่า anti dollar ค่าเงินยูโร มีชื่อเล่นว่า ไฟเบอร์ บางคนบอกว่าชื่อเล่นนี้มากจากคำว่า Trans-Atlantic fiber optic ซึ่งถูกใช้ในการติดต่อสื่อสาร บางคนบอกว่ามันมาจากกระดาษที่ใช้ในการปริ้นค่าเงินเรามาดูรายละเอียดกัน
พวกเขาเรียกฉันว่า Anti-Dollar!
เนื่องจากค่าเงินยูโรเป็นที่รู้จักในฐานะ anti-dollar ค่าเงิน EUR/USD ก็จะเป็นค่าเงินที่นิยมมากที่สุด และยังมีสภาพคล่องมากที่สุด มี Spread ต่ำที่สุด
ฉันไม่ค่อยว่างช่วงที่ตลาดลอนดอนเปิด...
ค่าเงินยูโร มีการเทรดมากที่สุดในช่วงเวลา 8:00 am GMT ตอนที่ตลาดลอนดอนกำลังเปิด ซึ่งมีปริมาณการเคลื่อนไหวน้อยกว่าในช่วงเวลาของตลาดสหรัฐฯ ราวๆ 5:00 pm GMT
...ฉันไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับใครมากนัก
ค่าเงิน EUR/USD นั้นเชื่อมต่อการเคลื่อนไหวกับตลาดทุนอื่นเสมอเช่น ตลาดพันธบัตร หรือตลาดทุน ซึ่งจะเคลื่อนไหวตรงข้างกับดัชนี S&P 500 ที่แสดงภาพรวมตลาดหุ้นสหรัฐฯ
ความสัมพันธนี้เริ่มเปลี่ยนไปเมื่อปี 2007 หลังจากวิกฤตเศรษฐกิจ ตอนนี้ EUR/USD เคลื่อนไหวคล้อยตามกับดัชนี S&P 500
EUR/USD ยังเคลื่อนไหวตรงข้ามกับ USD/CHF เพราะว่าค่าเงินสวิสฟรังค์นั้นแทบจะวิ่งไปในทิศทางเดียวกับค่าเงินยูโร
เครื่องมือบ่งชี้ทางเศรษฐกิจที่สำคัญของค่าเงินยูโร EUR
Gross Domestic Product – GDP คือการวัดการเจริญเติบโดทางเศรษฐกิจของภูมิภาค ตั้งแต่ที่เยอรมันเป็นประเทศยักษ์ใหญ่ในภาคพื้นนี้ ทำให้ GDP มีผลต่อค่าเงินยูโรมาก
Employment Change - EUR ยังอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงของอัตราการจ้างงาน ซึ่งมีประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ อย่างเยอรมัน กับฝรั่งเศสอยู่ด้วย
German Industrial Production – อุตสาหกรรมการผลิตเยอรมันนี้สามารถวัด การเปลี่ยนแปลงปริมาณจากโรงงานผลิตของเยอรมัน ทั้งเหมืองและอุตสาหกรรมแร่ เพราะว่าสิ่งเหล่านี้ส่งผลต่อความแข็งแกร่งของภาคอุตสาหกรรมระยะสั้นของภาคอุตสาหกรรมของเยอรมันทั้งหมด
German IFO Business Climate Survey – นี่เป็นหนึ่งในหัวใจของธุรกิจของเยอรมัน ที่ออกมารายเดือนที่รายงานสภาพเศรษฐกิจเยอรมัน ตามความคาดหมายต่าง ๆ และการคาดการณ์ในอนาคต
Budget Deficits – รายจ่ายภาครัฐฯเป็นส่วนสำคัญของ Maastricht Treaty ที่สหภาพยุโรปจำกัดหนี้ต่อ GDP ให้ต่ำกว่า 60% และงบประมาณการใช้จ่ายภาครัฐนั้นต่ำกว่า 3 % ของ GDP รายปี ถ้าเกิดทำได้ต่ำกว่านี้อาจจะเกิดผลกระทบต่อเสถียรภาพต่อเศรษฐกิจภาคพื้นยุโรป
Consumer Price Index – เนื่องจากเป้าหมายหนึ่งของ ECB คือการรักษาเสถียรภาพของราคา พวกเขาจะจับตามองดัชนี้ที่บ่งบอกเงินเฟ้ออย่างใกล้ชิด เช่น CPI ถ้า CPI รายปีนั้นออกมาผิดจากคาดการของธนาคารกลางพวกเขาก็จะใช้เครื่องมือทางการเงินในการรักษาและตรวจสอบระดับเงินเฟ้อ
อะไรทำให้ค่าเงิน EUR เคลื่อนไหว ?
พื้นฐานเศรษฐกิจของสหภาพยุโรป
รายงานความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจของสหภาพยุโรป สามารถทำให้ค่าเงินยูโรพึ่งสูงขึ้นได้ และ รายงาน GDP ของเยอรมัน ฝรั่งเศส สามารถกระตุ้นเทรดเดอร์เกี่ยวกับภาวะกระทิงของ ยูโรได้เป็นอย่างดี
ความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับแดนลุงแซม
การเปลี่ยนแปลงสภาวะตลาดที่เกิดขึ้นอย่างทันใด ที่ส่วนใหญ่จากข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ทำให้กระทบต่อค่าเงิน EUR/USD โดยตรง
ตามที่ยูโรมีชื่อเล่นว่า anti-dollar ค่าเงินยูโรยังเป็นค่าเงินที่ต้องมีการสำรอง และเป็นค่าเงินใหม่ที่ทุกคนควรจะสำรองไว้ ?
ความแตกต่างผลตอบแทนการลงทุน
Spread ของพันธบัตร 10 ปี ของรัฐบาลสหรัฐ กับเยอรมันบอนด์ มักจะกำหนดทิศทางของค่าเงิน EUR/USD ได้ดี
ถ้าความแตกต่างมีมาก EUR/USD จะเคลื่อนไหวไปทางค่าเงินที่มีอัตราผลตอบแทนที่สูงกว่า
เช่นเดียวกับอัตราผลตอบแทนของพันธบัตร อัตราดอกเบี้ยก็ยังเป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมในการคาดการความเคลื่อนไหวของ EUR/USD ซึ่งพวกเขาจะเปรียบเทียบกับอัตราฟิวเจอร์ของ Euribor ด้วยอัตราฟิวเจอร์ Eurodollar
เพื่อให้เข้าใจง่ายยิ่งขึ้น : Euribor คืออัตราธนาคารกลางยุโรป ซึ่งทำธุรกรรมโดยใช้เงินยูโร ขณะที่ Eurodollars จะทำธุรกรรมต่าง ๆ โดยใช้เงินดอลล่าร์
การเทรด EUR/USD
EUR/USD จะถูกเทรดในค่าเงิน ยูโร Standard lot เท่ากับ 100,000 EUR และ mini lot เท่ากับ 10,000 EUR
มูลค่าต่อจุด ซึ่งจะคิดเป็นดอลล่าร์สหรัฐ ซึ่งจะแบ่งเป็นจุดของค่าเงิน EUR/USD (เช่น 0.0001) ตามอัตรา EUR/USD
กำไรและขาดทุนจะถูกคิดเป็นเงินดอลล่าร์ สำหรับstandard lot 1 จุดเท่ากับ 10 ดอลล่าร์สหรัฐ และสำหรับ mini lot แต่ละจุดมีค่าเท่ากับ 1 USD
การคำนวณมาร์จิ้นจะถูกคิดเป็นเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ ถ้าค่าเงินอยู่ที่ EUR/USD 1.4000 และ e leverage คือ 100:1 จะต้องใช้เงิน 1,400 USD ในการจะเปิด order ในการเทรด 1 standard lot ของเงินยูโรมูลค่า 100,000 EUR
เมื่ออัตรา EUR/USD นั้นเพิ่มขึ้น ต้องใช้ Margin เพิ่มขึ้น และถ้าอัตราแลกเปลี่ยนลดลง ก็จะใช้มาร์จิ้นน้อยลงเช่นกัน
เทคนิค การเทรด EUR/USD
การเทรดค่าเงินยูโร ซึ่งขึ้นอยู่กับภาพความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจจากสหภาพยุโรป สร้างโอกาสในการเทรด Buy ค่าเงิน EUR/USD
การเคลื่อนไหวตรงข้างกับค่าเงินยูโร ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อรายงานเศรษฐกิจออกมาไม่ดี เราก็ต้อง Sell EUR/USD
เมื่อ EUR/USD เป็นตัววัดทัศนะคติของนักเทรดที่มีต่อค่าเงินสหรัฐฯ ถ้าเรารู้ทิศทางของค่าเงินเราก็สามารถกำหนดกลยุทธ์ในการเทรด EUR/USD ได้
ถ้าเทรดเดอร์คาดว่าจะซื้อ ดอลล่าร์ ถ้ายอดขายปลีกของสหรัฐฯ ออกมาดี และถ้ามันออกมาไม่ดีกว่าที่คาดไว้คุณสามารถ Sell EUR/USD
นอกจาก รอให้ EUR/USD ทดสอบแนวรับแนวต้านต่าง ๆ แล้วการใช้แนวเส้น ฟิโบนาชีก็ใช้ได้ดีเช่นกัน
EUR/USD นั้นตอบสนองต่อเส้นฟิโบนาชีค่อนข้างไวซึ่งหมายความว่า ถ้าเราส่ง order ที่แนวเส้นเล่านี้สามารถทำกำไรได้แน่อน ซึ่งอาจจะเข้าได้ราคาดีกว่าการกระโดดเข้าตลาดตามปกติ
ถ้าคุณชอบความตื่นเต้น มีค่าเงินอื่นสำหรับคุณ เช่น EUR/JPY EUR/CHF และ EUR/GBP ที่มีการเทียบค่าเงิน EUR ที่เทียบกันนั้นย่อมมีลักษณะพิเศษอย่างอื่นด้วยเช่นกัน
ค่าเงิน EUR/JPY นั้นมีความผันผวนมากกว่าค่าเงิน EUR/USD จะมีการเคลื่อนไหวในช่วงตลาดเอเชีย และตลาดลอนดอน
EUR/GBP และ EUR/CHF มักจะแกว่งตัวสูง ซึ่งทำให้เกิดเคลื่อนไหวราคาจากระดับของความผันผวน
