สหรัฐอเมริกา
สหรัฐอเมริกานั้นประกอบไปด้วย 50 รัฐ ทั้งมลรัฐฯ ด้วย ที่ตั้งของประเทศส่วนมากอยู่ในทวีปอเมริกาเหนือ แต่ว่าบางส่วนก็อยู่ในแปซิฟิก
หลังจากที่เป็นอิสระจากอังกฤษในวันที่ 4 เดือนกรกฏาคมในปี 1776 สหรัฐฯ เริ่มกลายเป็นประเทศมหาอำนาจ ไม่เพียงแต่ชาติตะวันตก แต่เป็นมหาอำนาจของโลกด้วย
การเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ในโลกนั้นทำให้สหรัฐฯ มีบทบาทสำคัญในตลาดโลก แค่การพัฒนาเศรษฐกิจในสหรัฐฯ หรือว่าการขึ้นลงของดัชนีผู้บริโภค หรือการตัดสินใจของประธานาธิบดีต่อสาธารณชน ก็สามารถส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจทั่วโลกได้ !


ภาพลักษณ์ของสหรัฐฯ
- ประเทศเพื่อนบ้าน : แคนาดา เม็กซิโก เปอร์โตริโก คิวบา
- ขนาด : 3,794,101ตารางไมล์
- ประชากร : 308,851,100
- ความหนาแน่น : 83 คนต่อตารางไมล์
- เมืองหลวง : วอชิงตัน ดีซี
- หัวหน้ารัฐบาล : ประธานาธิบดี บารัค โอบามา
- บุคคลยอดนิยม : ซานดร้า บูลล็อค, เจฟ บริดจ์, จอห์นนี่ เดป, บิล คลินตัน
- ค่าเงิน : ดอลล่าร์สหรัฐฯ (USD)
- อุตสาหกรรมที่สำคัญ : อุตสาหกรรมหลัก (น้้ามันดับ, อื่น ๆ), สินค้าหลัก (คอมพิวเตอร์, เครื่องมือสื่อสาร, อะไหล่ยนต์, อุปกรณ์สำนักงาน, เครื่องจักรไฟฟ้า) สินค้าอุปโภคบริโภค (รถยนต์, เสื้อผ้า, ยารักษาโรค, เฟอร์นิเจอร์, ของเล่น) สินค้าเกษตรต่างๆ
- สินค้าส่งออกหลัก : สินค้าหลัก (ชิ้นส่วนอีเล็กทรอนิกส์, อากาศยาน, อะไหล่ยนต์, คอมพิวเตอร์, อุปกรณ์สื่อสาร) สินค้าอุตสาหกรรม (เคมีภัณฑ์) สินค้าอุปโภค-บริโภค (รถยนต์, ยารักษาโรค) สินค้าทางการเกษตร (ถั่วเหลือง, ผลไม้, ข้าวโพด) ตุ๊กตาบาร์บี้, เกมส์ xbox และ Apple Ipod
- ประเทศคู่ค่าที่สำคัญ : จีน (15.4%), แคนาดา (11.6%), เม็กซิโก (9.1%), ญี่ปุ่น (4.9%), เยอรมันนี (3.7%)
- ประเทศคู่ค่าสินค้าส่งออก : แคนาดา (13.2%), เม็กซิโก (8.3%), จีน(4.3%), และญี่ปุ่น (3.3%)
- Time Zones : GMT -10, GMT -9, GMT -8, GMT -7, GMT -6, GMT -5
- เว็บไซต์ : http://www.usa.gov
ภาพรวมเศรษฐกิจ
สหรัฐฯเป็นประเทศหนึ่งที่บอกได้ว่าเป็นประเทศที่รวยที่สุดในโลก ซึ่งสร้างรายได้ถึง $14.2 ล้านๆเหรียญ ในปี 2009 ซึ่งคิดเป็นอันดับสิบต่ออัตราส่วนทุนของรายได้ ถ้าเอารายได้รวมมาหารประชากรต่อหัว ประมาณ $46,442 ต่อปี
อุตสาหกรรมหลักของสหรัฐฯ คือ อากาศยาน ยานยนต์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์ อุปกรณ์สื่อสาร และวัสดุอุตสาหกรรม แม้ว่าอุตสาหกรรมนั้นจะดูมีบทบาทต่อการผลิตสินค้า แต่ว่า 70 % ของรายได้มาจากภาคส่วนบริการ!
พูดถึงเรื่องเทรด เรื่องสำคัญของเศรษฐกิจสหรัฐฯ คือ การที่เศรษฐกิจของสหรัฐฯนั้น นำเข้ามากกว่ามูลค่าการส่งออกมากนัก
สหรัฐฯ ยังเป็นบ้านของ ตลาดหุ้น New York Stock Exchange ซึ่งเป็นตลาดหุ้นที่ใหญ่ที่สุดในโลก และยังเป็นบ้านของตลาดพันธบัตรที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยมูลค่าการตลาดมากกว่า 31 ล้านๆ เหรียญ และ มูลค่าการเทรดพันธบัตรมูลค่ากว่า 822 พันล้านเหรียญต่อวัน
การเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจระดับต้นๆ ในโลกทุกวันนี้ และเหตุการณ์ในประเทศนั้นจะกระทบต่อตลาดทั่วโลก ใช่แม้กระทั่งตลาดค่าเงิน !
นโยบายการเงินและการคลัง
Federal Reserve Board หรืออีกชื่อหนึ่งว่า Fed เป็นธนาคารกลางของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้กำหนดนโยบายการเงิน นโยบายการเงินเป็นสิ่งที่ Fed ใช้ควบคุมความสามารถการบริหารเงินในระบบเศรษฐกิจ
แล้วอะไรที่ทำให้ Fed แตกต่างจากธนาคารกลางอื่น ๆ คือวัตถุประสงค์ที่มุ่งเน้นประสิทธิภาพระยะยาวของนโยบายการเงินมากกว่า
Fed มีวัตถุประสงค์หลักสองอย่าง คือ รักษาเสถียรภาพของราคาสินค้าและบริการ และ อีกอย่างคือ ให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างยั่งยืน
อีกแง่หนึ่ง ค่าเงินไม่มีการเสียมูลค่า และ พ่อแม่ของพวกเรายังมีงานทำอย่างสม่ำเสมอ !
ภายใน Fed ประกอบด้วย Federal Open Market Committee (FOMC) ซึ่งมีหัวหน้าคือ Fed Governor Ben Bernanke และ FOMC จะเป็นตัวกำหนดการตัดสินใจ และนโยบายการเงิน
FOMC มีอาวุธสองอย่างในการใช้ต่อสู้กับเงินเฟ้อ และเป้าหมายระยะยาว คือ นโยบายตลาดแบบเปิด และ Fed’s Funds Rate
Fed เป็นแนวหน้าของที่ดำเนินการซื้อขายในตลาดแบบเปิด เช่นการซื้อขายเครื่องมือทางการเงินต่างๆ ของรัฐบาล พันธบัตร หุ้นกู้ ตราสารหนี้ ต่างๆ
Feds Funds Rate เป็นอัตราดอกเบี้ย ที่ Fed ประกาศออกมา กับธนาคารพาณิชย์ต่างๆ
หน่วยงานหนึ่งที่มีส่วนสำคัญต่อนโยบายการคลังของสหรัฐฯ คือ กระทรวงการคลังฯ สหรัฐ หรือ U.S. Treasury นโยบายการคลังจะถูกใช้โดยการใช้จ่ายต่างๆ ของรัฐบาล หรือการเก็บภาษี ที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจโดยตรง
ในการกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจ กระทรวงการคลัง สหรัฐฯ ต้องลดภาษีและกระจายเงินไป ทางการสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานเช่น การสร้างทางหลวง โรงเรียน โครงข่ายการสื่อสาร และ หน่วยงานทางทหาร อีกแง่หนึ่ง ถ้าเงินเฟ้อ เริ่มสูงขึ้นก็จะต้องเพิ่มภาษี และลดอัตราการใช้จ่ายภาครัฐลง
ทำความรู้จักกับ USD
คุณรู้จักชื่อเล่นของค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ รึเปล่า บั๊ค คือชื่อเล่นของมันมาจากหนังกวาง ซึ่งเป็นเครื่องมือการซื้อขายยุคโบราณในช่วงที่มีการแลกเปลี่ยนกับพวกอินเดียนแดง
แม้ว่าเงินกระดาษจะเข้ามาแทนเงินหนังกวางนี้ คนก็ยังไม่ได้เปลี่ยนชื่อที่ใช้เรียกว่า บั๊ค
สภาพคล่องของค่าเงิน
การทำธุรกรรมส่วนใหญ่ทุกๆ วันนั้นเกี่ยวกับเงินดอลล่าร์ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อขายโภคภัณฑ์ เช่น ทอง น้ำมันดิบก็ถูกคิดเป็นเงินดอลล่าร์ แม้แต่ในช่วงตลาดเอเชียเปิด ดอลล่าร์ก็มีส่วนในธุรกรรมถึง 73 เปอร์เซ็นต์
เพื่อให้ดูง่ายหน่อย เราจะยกตัวอย่างของตลาดหุ้นนิวยอร์ค และตลาดพันธบัตร มาเป็นตัวอย่าง มูลค่าของบริษัทในตลาดหุ้น NYSE มีมูลค่าสูงถึง $28.5 ล้านๆ ดอลล่าร์ ประมาณ 78 % ของมูลค่า $36.6 ล้านๆ ดอลล่าร์ ที่เทรดในตลาดหุ้นทั่วโลก
ซึ่งที่ตลาดพันธบัตรก็เช่นเดียวกัน มีมูลค่าการเทรด $82.2 ล้านล้านดอลล่าร์ต่อตลาดพันธบัตรทั่วโลกและเฉพาะตลาดพันธบัตรสหรัฐฯ มีมูลค่าถึง $31.2 ล้าน ๆ ดอลล่าร์ ซึ่งทุก ๆ order ที่เกี่ยวกับเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ นั่นคือสภาพคล่องของค่าเงิน
Fed และ รัฐบาลสหรัฐเชื่อว่า ค่าเงินจะแข็งค่าต่อไป
ในรอบหลาย สิบปีที่ผ่านมา Fed และ กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ยังคงนโยบายดอลล่าร์แข็ง เพราะพวกเขาเชื่อว่า นโยบายการเงินการคลังที่คงความแข็งแกร่งของค่าเงิน ซึ่งจะก่อประโยชน์ให้กับสหรัฐ และ ทั่วโลก
ค่าเงินทุกค่านั้นอิงค่าเงินสหรัฐฯในการวัดค่าเงินของพวกเขา คุณได้ยินประโยคที่ว่า ดอลล่าร์เป็นค่าเงินหลักของโลกบ่อยแค่ไหน เหตุผลเบื้องหลังคำพูดคือ บางประเทศยึดค่าเงินของพวกเขาผูดติดไว้กับเงินดอลล่าร์ !
เมื่อพวกเขาทำอย่างนี้ รัฐบาลจะซื้อขายค่าเงินของพวกเขาในอัตราคงที่เมื่อเทียบกับค่าเงินสหรัฐฯ ขณะที่รัฐบาลจะสามารถเพิ่มหรือลดอุปสงค์ หรือ อุปทานของค่าเงินไว้ และพวกเขาก็จะสำรองเงินดอลล่าร์ไว้ในคลังด้วย
ขั้นตอนนี้ทำให้ดอลล่าร์มีความสำคัญต่อโลก เพราะว่า หมายถึง เศรษฐกิจบางประเทศขึ้นอยู่กับเงินดอลล่าร์ !
ถ้ามูลค่าของเงินดอลล่าร์อ่อนค่าลงอย่างรุนแรง จะทำให้เกิดผลกระทบมหาศาลในประเทศที่ผูกติดค่าเงินตัวเองไว้กับค่าเงินสหรัฐฯ
ความสำคัญของ เครื่องชี้วัดทางเศรษฐกิจ ค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ
Non-farm employment change (NFP) – รายงาน NFP นั้นสามารถบอกอัตราการว่างงาน จ้างงานในช่วงเวลาเดือนนั้นได้
GDP – รายงาน Gross Domestic Product (GDP) คือตัวชี้วัดมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศทั้งภาคสินค้าและบริการ
Retail Sales – หรือว่ารายงานยอดขายปลีก วัดมูลค่ายอดขายที่เปลี่ยนแปลงรายเดือน ส่วนสำคัญของรายงานคือ ไม่ได้รวมรายงานการซื้อขายยานพาหนะไว้ด้วย
Consumer Price Index (CPI) – ดัชนีราคาผู้บริโภค วัดความเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าบริการ ซึ่งส่วนนี้ไม่รวมถึง ราคาอาหาร และราคาพลังอื่น ๆ เพราะว่ามีความผันผวนแตกต่างกัน
Personal Consumption Expenditure – ค่าใช้จ่ายส่วนบุคคล ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับ รายงาน CPI ที่บอกการเปลี่ยนแปลง ในการบริโภคสินค้าในสหรัฐ เป็นเหตุผลว่าทำไมเราควรจะต้องใส่ใจกับรายงานนี้เพราะว่า Fed ใช้ในการตัดสินใจนโยบายการเงิน และสิ่งที่เราต้องการคือ เราต้องเกาะติดสิ่งที่มืออาชีพให้ความสนใจ ใช่ไหม?
University of Michigan Consumer Sentiment – ทุกๆ เดือน มหาวิทยาลัยมิชิแกน จะตีพิมพ์ รายงานความมั่นใจของผู้บริโภคซึ่งดัชนี้ นี้จะบอกทัศนคติของผู้บริโภคที่มีต่อสภาพเศรษฐกิจ ยิ่งผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นมาก พวกเขาก็กล้าจะใช้จ่ายมากขึ้น
แล้วอะไรทำให้ ค่าเงิน ดอลล่าร์เคลื่อนไหว ?
การเคลื่อนไหวของทองคำ
เมื่อเงินดอลล่าร์มีความเสี่ยงในการอ่อนค่าลงเนื่องจากเงินเฟ้อ นักลงทุนก็จะหันมาลงทุนในทองคำเพื่อความปลอดภัย ไม่เหมือนกับสินทรัยพ์เพื่อการลงทุนส่วนใหญ่ ที่มีมูลค่าในตัวของมันเอง ซึ่งเหมือนทุกๆ ที่เมื่อราคาทองคำเพิ่มขึ้น เป็นสัญญาณว่าดอลล่าร์กำลังอ่อนค่าลง
การพัฒนาเศรษฐกิจในสหรัฐฯ
โดยพื้นฐานแล้ว การพัฒนาเศรษกิจในสหรัฐฯ ทำให้คนอยากจะลงทุนในตลาดสหรัฐฯมากขึ้นซึ่งต้องใช้ดอลล่าร์ในการดำเนินการ ตามอุปสงค์ของการลงทุนที่เพิ่มขึ้น อุปสงค์ของค่าเงินก็จะเพิ่มขึ้นตาม
เงินทุนไหลเข้าและไหลออก
เนื่องจากตลาดญี่ปุ่นกับตลาดลอนดอนที่มีความรุดหน้าของตลาดมาก ทำให้กษัตริย์ สุลต่าน เศรษฐี รอบโลกสามารถเลือกลงทุนได้ ตลอดเวลา
ในการลงทุนในสินทรัพย์อเมริกา นักลงทุนต้องแปลงค่าเงินของพวกเขามาถือเงินดอลล่าร์ก่อน และเมื่อเงินทุนไหลเข้า แหละไหลออกจากตลาดการเงินสหรัฐ สามารถสร้างมูลค่าของดอลล่าร์ได้
การพัฒนาเศรษฐกิจ ของโลก
ตั้งแต่ค่าเงิน ดอลล่าร์สหรัฐฯ มีบทบาทต่อการเทรดค่าเงิน ถ้าเกิดว่ามีการเติบโตของเศรษฐกิจดีขึ้น (เช่น GDP เพิ่มขึ้นออสเตรเลีย ตลาดหุ้นตกในตลาดปักกิ่ง หรือก็อดซิลล่าบุกในโตเกียว) จะส่งผลต่อมูลค่าระยะสั้น
ความต่างผลตอบแทนพันธบัตร
เนื่องจากนักลงทุนมักจะมองหาการทำกำไรเงินของพวกเขา สำคัญมากที่จะต้องติดตามความแตกต่างของอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรของสหรัฐฯ กับค่าเงินประเทศอื่น ๆ
ถ้านักลงเห็นว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรเพิ่มสูงขึ้น และอัตราของพันธบัตรสหรัฐฯ ลดลง นักลงทุนจะย้ายเงินทุนของพวกเขาออกจาก พันธบัตรสหรัฐฯ (ขายเงินดอลล่าร์ตามกระบวนการ) และซื้อพันธบัตรค่าเงินอื่น
เรื่องของอัตราดอกเบี้ย
ผู้ที่อยู่ในตลาดจะให้ความสนใจกับอัตราดอกเบี้ย และคุณก็เหมือนกัน
ถ้า Fed คาดว่าจะเพิ่มอัตราดอกเบี้ย ซึ่งหมายความว่า มีอุปสงค์ในสินทรัพย์มากขึ้นทำให้ค่าเงินดอลล่าร์เป็นขาขึ้น
ถ้า Fed คาดว่าจะลดอัตราดอกเบี้ย มันทำให้อุปสงค์ของการลงทุนในสินทรัพย์ลดลงและเราจะเห็นนักลงทุนเคลื่อนย้ายเงินทุนพวกเขาออกจากเงินดอลล่าร์
เมื่อ Fed ให้เงื่อนงำของอัตราดอกเบี้ยว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง นักเทรดทั้งหมดจะเงี่ยหูฟังนโยบายที่พูดออกมา
การเทรดค่าเงิน USD
USD ในฐานะค่าเงินฐาน
XXX/USD จะถูกเทรดในของ n XXX Standard lot คือ 100,000 XXX และ mini lot sizes เท่ากับ 10,000 XXX
มูลค่าต่อจุด ซึ่งคิดเป็นเงินดอลล่าร์สหรัฐ จะคำนวณโดยคิดจาก 1 จุด XXX/USD (0.0001 หรือ 0.01 ขึ้นอยู่กับค่าเงิน) โดย XXX/USD คิดจากอัตราแลกเปลี่ยน
กำไรขาดทุนจะถูกคิดเป็นเงินดอลล่าร์ ขนาด Standard Lot 1 จุดจะมีมูลค่า 10 เหรียญ และ Mini Lot แต่ละจุดมีมูลค่า 1 เหรียญ
การคำนวณมาร์จิ้นจะถูกคิดโดยใช้เงินดอลล่าร์เป็นฐาน เช่น ถ้าค่าเงิน XXX/USD อัตราแลกเปลี่ยน เท่ากับ 0.8900 และ Leverage เท่ากับ 100:1 จะต้องใช้ Margin 890เหรียญของ Standard Lot 100,000 XXX อย่างไรก็ตาม เมื่ออัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้น XXX/USD ก็จะต้องใช้มาร์จิ้นเพิ่มขึ้นด้วยเหมือนกัน และในทางกลับกัน ถ้าอัตราแลกเปลี่ยนลดลง มาร์จิ้นก็จะลดลงตามไปด้วย
USD ในฐานะค่าเงินเทียบ
USD/XXX จะถูกเทรดในราคาเป็นเป็นดอลล่าร์ และ Standard lot sizes เท่ากับ 100,000 USD และ mini lot sizes เท่ากับ 10,000 USD 1 จุดของค่าเงิน USD/XXX, จะเท่ากับ 0.0001 หรือ 0.01 ขึ้นอยู่กับว่าเราพูดถึงค่าเงินฐานตัวไหนอยู่ ตามอัตราแลกเปลี่ยนของคู่เงิน USD/XXX ขณะนั้น
กำไรและขาดทุนจะถูกคิดใน XXX. หนึ่ง standard lot 1 จุด จะมีค่าเท่ากับ 10 XXX และ mini lot position 1 จุดจะมีค่าเท่ากับ 1 XXX ตัวอย่างเช่น ถ้า 1 จุดเท่ากับ 0.0001 และอัตราแลกเปลี่ยนของค่าเงิน USD/XXX เท่ากับ 1.4000 1 จุดของ standard lot จะเท่ากับ 14 เหรียญ
การคำนวณมาร์จิ้นก็จะถูกคิดเป็นฐานโดยใช้เงินดอลล่าร์ ด้วย Leverage 100:1 1,000 USD จะต้องใช้ในการเทรด 100,000 USD/CAD
กลยุทธ์การเทรด ค่าเงินดอลล่าร์
เรามาดูว่าสิ่งที่เราได้เรียนรู้ไปจะใช้เป็นกลยุทธ์การเทรดค่าเงินดอลล่าร์ได้อย่างไร
มองหาความแตกต่างในค่าเงิน ในการพัฒนาเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และข้อมูลทางเศรษฐกิจจากเศรษฐกิจของที่อื่นเป็นวิธีการที่ดีในการเทรดค่าเงินดอลล่าร์ ตัวอย่างเช่น การกระโดดของยอดขายปลีกใน US หรืออัตราว่างงานที่เพิ่มขึ้นใน UK ซึ่งจะทำให้เป็นเหตุผลที่เราควรจะ Sell GBP/USD
ดัชนีค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ หรือ USDX ซึ่งเป็นลักษณะการเคลื่อนไหวของค่าเงินดอลล่าร์ เทียบกับค่าเงินอื่น จะเป็นตัววัดความแข็งแกร่งของค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯได้ดี การใส่ใจกับดัชนีดอลล่าร์สหรัฐฯ คุณสามารถหาร่องรอยว่าค่าเงินดอลล่าร์จะไปทางไหน
เมื่อดัชนี USDX กำลังตั้งเทรนด์เป็นขาขึ้นสามารถบอกคุณได้ถึงการคอนเฟิร์มว่าคุณต้องส่ง order Sell EUR/USD
การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ Fed จะส่งสัญญาที่เป็นบวกต่อค่าเงินสหรัฐฯ จะทำให้นักลงทุนเข้าซื้อเงินดอลล่าร์ ฉะนั้นเราห้ามพลาดเด็ดขาด !
การคอยสังเกตุการณ์นโยบายการเงินของ Fed จะทำให้เราสามารถหาร่องรอยการเคลื่อนไหวของค่าเงินดอลล่าร์ได้
ด้วยสายตาอันเฉียบคมจะทำให้เราได้สัญญาณ Buy USD/JPY ขณะที่ พวกที่มองระยะสั้นก็จะพยายามหาจังหวะ Sell USD/JPY
