สหราชอาณาจักร
สหราชอาณาจักร เป็นดินแดนแห่งหลากหลาย ซึ่งประกอบไปด้วย 4 ประเทศ อังกฤษ ไอร์แลนด์เหนือ สก็อตแลน และเวลล์
มีผู้นำคือ ราชินี ซึ่งเรียกได้ว่า เป็นราชวงศ์ประจำประเทศ แต่ว่า บริหารประเทศผ่านระบบสภา ที่อยู่ที่กรุงลอนดอนเมืองหลวง
U.K. เป็นส่วนหนึ่งของสหภาพยุโรป อย่างไรก็ตาม U.K ปฏิเสธการเข้าร่วมสหภาพยุโรป เกี่ยวกับการใช้ค่าเงินยูโร และยังใช้ค่าเงินปอนด์ แต่โชคไม่ดีที่ วีซ่า Schengen ไม่สามารถใช้กับ UK ได้ คุณต้องมีวีซ่าอีกตะหาก !


สหราชอาณาจักร : ภาพลักษณ์รวม
- ประเทศเพื่อนบ้าน : ไอร์แลนด์ เยอรมัน ฝรั่งเศส
- ขนาด : 93,628 ตารางไมล์
- ประชากร : 60,975,400 (22nd)
- ความหนาแน่นของประชากร : 651.3 คนต่อตารางไมล์
- เมืองหลวง : ลอนดอน (ประชากร 7,557,000)
- ผู้ปกครอง : Queen Elizabeth II
- ผู้ปกครองรัฐบาล : Gordon Brown
- ค่าเงิน : เงินปอนด์สเตอร์ลิง (GBP)
- สินค้านำเข้าหลัก : สินค้าหัตถกรรม อุปกรณ์การขนส่ง สารเคมี เชื้อเพลิง เครื่องจักร
- สินค้าส่งออกหลัก : แร่ และ โลหะ ขนสัตว์ อาหาร และสัตว์ เชื้อเพลิง เครื่องจักรที่ใช้ในการขนส่งและอุปกรณ์ เดวิด เบคแฮม และ ไซมอน โคเวล
- ประเทศคู่ค้านำเข้าที่สำคัญ : เยอรมัน 14.2%, สหรัฐฯ 8.6%, จีน 7.3%, เนเธอแลนด์ 7.3%, ฝรั่งเศส 6.9%, เบลเยี่ยม 4.7%, นอร์เวย์ 4.7%, อิตาลี 4.2%
- ประเทศคู่ค้าส่งออกที่สำคัญ : สหรัฐฯ 15%, เยอรมัน 11%, ฝรั่งเศส 10%, ไอร์แลนด์ 7%, เนเธอแลนด์ 6%, เบลเยี่ยม 6%, สเปน 5%, อิตาลี 4%
- Time Zone : GMT
- เว็บไซต์ : http://number10.gov.uk
สภาพเศรษฐกิจ
U.K. (ขออนุญาติใช้ตัวย่อ) เป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจอันดับหกของโลก และมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน และเป็นจุดเริ่มต้นของยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม
U.K. และยังมีขนาดประเทศอาณานิคมในอดีตมากที่สุด UK ยังมีอำนาจในโลก !
ในการเทรด อังกฤษเป็นผู้นำเข้าสินค้าหลัก ซึ่งเป็นประเทศคู่ค้าของยูโรโซน โดยเฉพาะเยอรมัน ซึ่งไม่น่าแปลกใจเพราะว่า มันไม่ได้ไกลจากประเทศอังกฤษมากนัก
กิจกรรมการเทรดในภาคพื้นยุโรปนั้น 50 % นั้นมาจากสหราชอาณาจักร และ สหรัฐก็ยังเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่
ไม่เพียงแค่อังกฤษประกอบด้วยคนหลายสัญชาติเท่านั้นแต่ว่ายังเป็นบ้านของศูนย์การเงินที่เก่าแก่ที่สุดในโลกด้วย เรากำลังพูดถึง ลอนดอน ซึ่งเป็นสถานที่ที่เป็นจุดศูนย์กลางการค้าของโลก
นโยบายการเงินและการคลัง
ทีนี้มาถึงส่วนที่เราควรรู้กันแล้ว : ธนาคารกลางที่เก่าแก่ที่สุดในโลก Bank of England (BOE)
ย้อนกลับไปอีกหน่อยเมื่ออังกฤษยังเป็นดินแดนพระอาทิตย์ไม่ตกดิน รัฐบาลเข้าใจว่าพวกเขาต้องการให้การค้าทั่วโลกนั้นมีความสะดวก จึงเป็นการเข้ามาของ Bank of England ในปี 1694, BOE ตั้งขึ้นเพื่ออานวยความสะดวกในการค้าและสร้างการเจิรญเติบโตให้กับอังกฤษ
วันนี้วัตถุประสงค์หลักของนโยบายการเงินของ BOE คือ ดำรงไว้ซึ่งความมีสเถียรภาพของราคา พร้อมกับดูแลการเจริญเติบโตและการจ้างงาน
ด้วยเหตุนี้ BOE มุ่งเป้าไปที่อัตราเงินเฟ้อ 2.0% ซึ่งวัดโดยดัชนี CPI เพื่อที่จะบรรลุวัตถุประสงค์นี้ BOE ได้พยายามแสวงหาเวทมนต์ในการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ย ในระดับที่พวกเขาเชื่อว่าจะทำให้พวกเขาถึงเป้าหมายได้
กลุ่ม BOE ที่ดูแลเรื่องการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ย คือ หน่วยงาน Monetary Policy Committee (MPC)
MPC นี้ จะมีประชุมทุกเดือน ซึ่งตามมาด้วยการประกาศการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงิน รวมการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ย และเหมือนสิ่งอื่นๆ อัตราดอกเบี้ยที่นี่ก็มีชื่อที่แตกต่าง ซึ่งที่นี่เรียกว่า bank repo rate
เครื่องมือทางนโยบายหลักถูกใช้โดย BOE's Monetary Policy Committee คือ bank repo rate และนโยบายตลาดแบบเปิด
bank repo rate คืออัตราดอกเบี้ยที่ตั้งโดย BOE สำหรับตลาดอังกฤษเพื่อช่วยให้MPC ควบคุมเงินเฟ้อได้ตามเป้า เมื่อ MPC เปลี่ยนอัตราดอกเบี้ย มันจะกระทบกับอัตราดอกเบี้ยธนาคารพาณิชย์ทั้งผู้ฝากและผู้กู้ ซึ่งจะกระทบกับการใช้จ่าย และภาคเศรษฐกิจ รวมทั้งต้นทุน และราคาสินค้า
เหมือนกับธนาคารกลางที่อื่น ถ้า BOE เพิ่มอัตราดอกเบี้ย พวกเขากำลังพยายามฉุดเงินเฟ้อไว้ และถ้าพวกเขาลดดอกเบี้ย หมายความว่าพวกเขากำลังกระตุ้นเศรษฐกิจ
เมื่อ BOE เริ่มนโยบายตลาดแบบเปิด BOE จะซื้อและขายเงินปอนด์เพื่อควบคุมหลักทรัพย์และความคุมอุปสงค์ของเงิน ซึ่งเป็นทางเลือกในการเพิ่มสภาพคล่องในตลาดเงิน
ถ้า BOE รู้สึกว่าพวกเขาต้องกระตุ้นเศรษฐกิจ พวกเขาจะพิมพ์ธนบัตรเพิ่ม และปล่อยเงินเข้าสู่ระบบโดยผ่านทางการซื้อขายหลักทรัพย์ของรัฐบาล
อีกแง่หนึ่ง ถ้า BOE รู้สึกว่าเศรษฐกิจนั้น ร้อนแรงมากพอแล้วพวกเขาก็จะขายพันธบัตร และนำเงินกลับมา
ทำความรู้จักกับ GBP ค่าเงิน GBP
ค่อนข้างได้รับความนิยมเนื่องจากมีชื่อเล่นหลายอย่าง นอกจากจะเรียกว่า Sterling และ the Pound, ค่าเงิน GBP ยังมีชื่อเล่นว่า Cable (GBP/USD) และ Guppy (GBP/JPY) น่ารักมั๊ย อิอิ ?
ฉันชอบเคลื่อนไหวแรง...
GBP/USD เป็นค่าเงินหนึ่งที่มีสภาพคล่องสูงในตลาด forex ได้ยังไหน่ะหรอ? จำได้รึเปล่าว่าลอนดอนนี้เป็นศูนย์กลางการเทรดของโลก และมีธุรกรรมที่เกิดขึ้นที่นี่ทุกวัน
และค่าเงิน GBPUSD คิดเป็น 14% จากการเทรดทั่วโลก ซึ่งทำให้มันเป็นค่าเงินที่มีการเทรดมากที่สุดอันดับสาม ซึ่งบางทีว่าทำไม Spread ค่าเงิน GBP/USD นั้นค่อนข้างแตกต่างกับ EUR/USD และ USD/JPY ไม่มากนัก
...นักเทรดชอบฉันเพราะว่าฉันมีการเคลื่อนไหวที่สวยงาม
เนื่องจากบริษัทยักษ์ใหญ๋หลายแห่งนั้นตั้งอยู่ในลอนดอน จึงมีการลงทุนหลากหลายรูปแบบในลอนดอน
สิ่งเหล่านี้กับอัตราดอกเบี้ยที่สูง นักลงทุนจะพบว่า หลักทรัพย์อังกฤษนั้นน่าเย้ายวนไม่น้อย ในการที่จะมีหลักทรัพย์เหล่านี้ นักลงทุนต้องซื้อปอนด์เข้ามาก่อน
ฉันกระฉับกระเฉงช่วงที่ตลาดลอนดอนเปิด
ปริมาณการเทรดค่าเงิน GBP/USD นั้นมีสูงในช่วงเวลายุโรป ซึ่งอาจจะมีการเคลื่อนไหวเยอะเช่นกันในช่วงตลาดนิวยอร์ค ถ้าข่าวเกี่ยวกับสหรัฐฯออกมาแรง ๆ ช่วงเวลาตลาดเอเชียไม่ค่อยมีอะไรพิเศษ ซึ่งเพราะว่านักเทรดยุโรปยังหลับกันอยู่ ขณะที่ตลาดนิวยอร์คก็พึ่งจะจบไป
...แต่ระวังนะ ฉันค่อนข้างเกเร !
ค่าเงิน GBP นั้นค่อนข้างผันผวนเพราะว่ามีสภาพคล่องต่ำเมื่อเทียบกับค่าเงินยูโร
ด้วยอัตราสภาพคล่องที่ต่ำ ค่าเงิน GBP สามารถไปทางไหนก็ได้ถ้าเกิดมี order ใหญ่ ขึ้นมา ถ้าเปรียบเทียบกับค่าเงินอื่น GBP นั้นค่อนข้างตอบสนองกับข้อมูลทางเศรษฐกิจที่ออกมาได้ดี
เครื่องมือทางเศรษฐกิจที่สำคัญ สำหรับ GBP
Unemployment Rate – นี่เป็นการวัดว่ามีจำนวนคนว่างงานเท่าไหร่ในอังกฤษ ซึ่งนักวิเคราะห์จะให้ความสำคัญกับตัวเลขนี้เพราะว่ามันสามารถเป็นตัววัดการใช้จ่ายในอนาคตได้ แล้วมันมาได้ยังไงหรอ ถ้าคนนึงไม่มีงานทำเขาก็จะไม่มีเงิน ถ้าไม่มีเงินก็จะไม่มีใครจ่ายเงิน !
Consumer Price Index (CPI) – BOE คอยสอดส่องเรื่องนี้เพราะว่าเป็นตัววัดเงินเฟ้อ และวัดการเปลี่ยนแปลงราคาสินค้าอุปโภคบริโภค
Gross Domestic Product (GDP) – ดัชนีนี้วัดเศรษฐกิจของอังกฤษ ซึ่งบ่งบอกถึงเศรษฐกิจนั้นกำลังเติบโต หรือว่ากำลังถดถอย
Purchasing Managers Index (PMI) – ดัชนีนี้สำรวจผู้จัดการของธุรกิจและถามพวกเขาเกี่ยวกับว่าเศรษฐกิจนี้จะไปทิศทางใด ถ้าคะแนนออกมามากกว่า 50 หมายความว่า มีผลดีและกำลังก้าวไปสู่การขยายตัว แต่ว่าถ้าต่ำกว่า 50 เป็นสัญญาณว่าอาจจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย
Consumer Confidence report – รายงานนี้บอกถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเกี่ยวกับเศรษฐกิจในปัจจุบันและอนาคต ยิ่งผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นสูงเท่าไหร่ พวกเขาก็จะใช้จ่ายมากขึ้นเท่านั้น
อะไรทำให้ GBP เคลื่อนไหว
การเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงิน
นักลงทุนหลาย ๆ คนสนใจเงินปอนด์เพราะว่ามีผลตอบแทนสูงสำหรับการเทรดแบบ carry trade การเปลี่ยนแปลง หรือว่าตัดสินใจของ MPC เกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยจะกระทบกับเงินปอนด์และผลตอบแทนของหลักทรัพย์อังกฤษ
ยิ่งไปกว่านั้น การเปลี่ยนแปลงในอัตราดอกเบี้ยยังเปิดเผยมุมมองของ BOE ต่อสภาพเศรษฐกิจ
ถ้า BOE รู้สึกว่าเศรษฐกิจกำลังได้รับความเสียหาย พวกเขาจะลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งจะทำให้ทุกคนรู้ว่าสัญญาณเศรษฐกิจกำลังไม่ดี
ถ้า BOE รู้สึกว่าเศรษฐกิจนั้นแข็งแกร่งขึ้น ก็จะทำให้อัตราเงินเฟ้อลดต่ำลง พวกเขาก็จะเริ่มเพิ่มอัตราดอกเบี้ย
การพัฒนาในสหภาพยุโรปและสหรัฐฯ
เหมือนค่าเงินคู่อื่นๆ ค่าเงิน GBP/USD ก็กระทบกับการพัฒนาสหภาพยุโรปและ ข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐก็กระทบกับอารมณ์ของนักเทรดและอารมณ์ตลาด ไม่ว่าข้อมูลจะดีหรือไม่จากสหรัฐสามารถทำให้ผู้ที่อยู่ในตลาด เข้าซื้อหรือว่าออกจากการถือครองเงิน GBP เพื่อมองหาการลงทุนที่ปลอดภัยกว่า
ผลกระทบจากค่าเงินอื่น ๆ
ความสัมพันธ์ของสหภาพยุโรปต่อ UK นั้นมีความสัมพันธ์กัน ด้วยเหตุนี้คุณควรสอดส่องดูแลการพัฒนาของเศรษฐกิจของฝั่งสหภาพยุโรปด้วย ถ้าเกิดว่า ข่าวไม่ดีเกิดขึ้นและเกิดภาวะหมี แน่นอนว่ามันต้องกระทบกับเงินปอนด์แน่
แรงขับจากอารมณ์ตลาด
ค่าเงิน GBP ได้ประโยชน์จากความจริงที่ว่ามันมีอัตราผลตอบแทนสูงกว่าค่าเงินอื่น ๆ เมื่อเทรดเดอร์มองหาผลตอบแทนที่ดีกว่า พวกเขาต้องเอาใจใส่กับค่าเงิน GBP นี้เพราะว่ามันให้อัตราผลตอบแทนที่สูงในการลงทุน เมื่อเทรดเดอร์ต้องการย้ายไปลงทุนกับค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯพวกเขาก็จะขายเงินปอนด์
การเทรด GBP/USD
GBP/USD เป็นค่าเงินที่ถูกเทรดโดยใช้เงินปอนด์ และมี Standard lot ที่ 100,000 GBP และ มี mini lot ที่ 10,000 GBP
มูลค่าของ Pip ซึ่งจะถูกคิดเป็นดอลล่าร์ และแบ่งเป็น 1 จุดของ GBP/USD (for GBP/USD, นั่นคือ 0.0001) ราคา Spot GBPUSD
กำไรและขาดทุนจะถูกคิดเป็นเงินดอลล่าร์ สำหรับ standard lot position 1 จุดจะมีค่าเท่ากับ 10 เหรียญ และ 1 จุด ของ mini lot มีมูลค่า 1 เหรียญ
การคำนวณมาร์จิ้น จะถูกคิดเป็นมูลค่าเป็นดอลล่าร์ ตัวอย่างเช่น ถ้าค่าเงิน GBP/USD อยู่ที่ 1.5000 และ leverage เท่ากับ 100:1 จะใช้มาร์จิ้น 1,500 USD สำหรับ 1 Standard Lot ถ้าค่าเงินแข็งค่าขึ้นก็จะต้องใช้มาร์จิ้นมากขึ้น และถ้าค่าเงินอ่อนค่าลงก็จะใช้มาร์จิ้นน้อยลง
เทคนิคการเทรด GBP/USD
อีกวิธีหนึ่งในการเทรด GBP คือเมื่อรายงานเศรษฐกิจออกมา GBP นั้นตอบสนองต่อข่าวต่าง ๆ ได้ดี
ตัวอย่างเช่น ถ้า GDP ของอังกฤษ ออกมาดีกว่าที่คาดไว้ มันก็จะทำให้ค่าเงินปอนด์แข็งค่าขึ้น แม้ว่าถ้าคุณจะเข้าเทรดช้าไปหน่อย คุณก็ยังได้กำไรเพราะว่า มันเคลื่อนไหวเยอะ
ระวังด้วย GBP/USD และ GBP/JPY นั้นมีความผันผวนสูง จริงๆ แล้ว GBPUSD เคลื่อนไหวอยู่ราว ๆ 160 จุดต่อวัน เพราะว่า GBP นั้นผันผวนสูงมากคุณควรจะตั้งจุดหยุดขาดทุนกว้างกว่าปกติอีกซักหน่อย เพื่อไม่ให้โดนความผันผวนของตลาด
