ออสเตรเลีย
รู้จักอย่างเป็นทางการว่า Commonwealth of Australia ออสเตรเลียนั้นอยู่ตอนใต้ของซีกโลกและอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเอเชีย
เป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ออสเตรเลียนั้นเป็นประเทศเดียวในโลกที่เป็นทวีป !
ก่อนที่พวกยุโรปจะเข้าไปในช่วงปี 1788 ชาวอบอริจิ้น เป็นชนพื้นเมืองที่นี่
หลังจากนั้นผู้คนจากทั่วโลกได้อพยพไปอยู่ออสเตรเลีย ซึ่งทำให้เป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมหลากหลาย ตอนนี้ออสเตรเลียเป็นบ้านของคนมากกว่า 200 ประเทศ
และสุดท้าย บางทีนี่อาจจะสำคัญที่สุด ออสเตรเลียนั้นเป็นที่รู้จักของการผลิตนักแสดงเยอะแยะ เช่น Mel Gibson, the Braveheart ; Hugh Jackman, the Wolverine ; and Heath Ledger, the Joker!
และยังมี mech-kangaroos battle tank armadillos และ bomber pelicans คุณจะเห็นว่าทั้งโลกไม่มีทางที่จะหลีกเลี่ยงชื่อเหล่านี้ได้


ออสเตรเลีย : ภาพลักษณ์รวม
- เพื่อนบ้าน : นิวซีแลนด์ ปาปัวนิกีนี และอินโดนีเซีย
- ขนาด : 2,969,907 ตารางไมล์
- ความหนาแน่นประชากร : 7.2 คนต่อตารางไมล์
- เมืองหลวง : แคนเบอร่า (ประชากร 323,056)
- ผู้ปกครองรัฐ : Queen Elizabeth II
- หัวหน้ารัฐบาล : นายกรัฐมนตรี จอห์น คีย์
- ค่าเงิน : ดอลล่าร์ออสเตรเลีย (AUD)
- การนำเข้าหลัก : เครื่องจักร และการขนส่ง อิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์การสื่อสาร น้้ามันดิบ และปิโตรเลียม
- การส่งออกหลัก : แร่และ โลหะ ขนสัตว์ อาหาร และ สัตว์ เชื้อเพลิง เครื่องจักรขนส่ง และอุปกรณ์ Hugh Jackman, Nicole Kidman, Heath Ledger
- ประเทศคู่ค้านำเข้า : จีน 15.4%, สหรัฐฯ 12.1%, ญี่ปุ่น 9.1%, สิงคโปร์ 7%, เยอรมัน 5.1%, ไทย 4.5%, อังกฤษ 4.4%, มาเลเซีย 4.1%
- ประเทศคู่ค้าส่งออก : ญี่ปุ่น 22.2%, จีน 14.6%, เกาหลีใต้ 8.2%, อินเดีย 6.1%, สหรัฐฯ 5.5%, นิวซีแลนด์ 4.3%, สหราชอาณาจักร 4.2%
- Time Zone : GMT +10
- เว็บไซต์ : http://www.australia.gov.au
ภาพรวมเศรษฐกิจ
เปรียบเทียบกับกลุ่มประเทศ G7 ออสเตรเลียนั้นค่อนข้างเล็ก ตามข้อมูลของ World Bank อย่างไรก็ตาม GDP นั้นสูงกว่า UK เยอรมัน หรือแม้แต่สหรัฐฯ อีก !
ที่ผ่านมา 15 ปี ออสเตรเลียเศรษฐกิจเติบโตเฉลี่ยถึง 3.6% ต่อปี ซึ่งมากกว่าอัตราเฉลี่ยทั่วโลก อยู่ที่ 2.5% ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ทำไมถึงเป็นที่หนึ่งได้ในการจัดอันดับของ Legatum Institute's 2008 Prosperity Index!
เศรษฐกิจของออสเตรเลียนั้นเกี่ยวกับภาคการบริการแทบจะ 69% ของ GDP อุตสาหกรรมเช่น ธุรกิจการเงิน การศึกษา และการท่องเที่ยว
แม้ว่าจะมีการส่งออกมาก ออสเตรเลียนั้น มีการใช้จ่ายภาครัฐมหาศาล นั่นหมายความว่า ออสเตรเลียนั้นกำลังใช้ทรัพยากรมากขึ้น จากเศรษฐกิจ ที่จะตอบสนองความต้องการของการบริโภค
นโยบายการเงินและการคลัง
Reserve Bank of Australia (RBA) ธนาคารกลางออสเตรเลียเป็นหน่วยงานหลักที่กำหนดนโยบายการเงินและการคลัง ซึ่งมีวัตถุประสงค์ สามอย่างดังนี้ :
1. การควบคุมอัตราแลกเปลี่ยนให้มีเสถียรภาพ
2. ให้การเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง
3. ให้มีการจ้างงานที่ต่อเนื่อง
การที่จะบรรลุเป้าหมายทั้งหมด แบงค์เชื่อว่าเงินเฟ้อต่อปี ต้องอยู่ที่ 2 – 3% มูลค่าของค่าเงินจะปลอดภัย ซึ่งทำให้เกิดเศรษฐกิจที่เติบโตแบบยั่งยืนได้
แล้วธนาคารกลางออสเตรเลียแน่ใจได้อย่างไรว่าเงินเฟ้ออยู่ภายใต้การควบคุม ? มีอยู่สองอย่าง คือ การปรับอัตราดอกเบี้ย และ การเปิดตลาดแบบเปิด
อัตราดอกเบี้ย ก็คือการเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยโดยแบงค์ผู้ให้กู้ในดอกเบี้ยเงินกู้ต่อสถาบันการเงินอื่นๆ
ส่วนตลาดแบบเปิด ก็คือการที่ RBA นั้นควบคุมอุปทานของเงินผ่านการซื้อและขาย หลักทรัพย์ต่าง ๆ ของรัฐบาล ซึ่งRBA จะประชุมกันทุกเดือนเพื่อจะตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายการเงินเหล่านี้ ยกเว้นเดือนมกราคม
เพื่อทำให้มันง่ายหน่อย มาดูตัวอย่างกัน สมมติว่าเงินเฟ้อในออสเตรเลียกำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว นอกเหนือจากที่ธนาคารคาดการณ์ไว้ เพื่อที่จะหยุดเงินเฟ้อเหล่านั้น ทางธนาคารตัดสินใจที่จะเพิ่มอัตราดอกเบี้ย ซึ่งจะทำให้ต้นทุนการกู้ยืมสูงขึ้น
ปกติแล้ว จะทำให้การกู้มีน้อยลง และพื้นฐานของอุปสงค์อุปทานบอกเราว่ายิ่งคนกลัวมันมากเท่าไหร่ ทำให้สิ่งของสิ่งนั้นมีค่ามากขึ้น !
รู้จักกับค่าเงิน AUD
แม้ว่าพวกเขาจะมีหลายฤดู แต่ว่าค่าเงินออสเตรเลียจะเล่นในช่วงเช้า ๆ ซึ่งเพราะว่า ตลาดออสเตรเลียเป็นตลาดแรก ๆ ที่เปิดทำการของทุก ๆ สัปดาห์ ค่าเงินออสเตรเลียนดอลล่าร์เรียกว่า ออสซี่
ฉันถูกเรียกว่า ดอลล่าร์โภคภัณฑ์เพราะว่า...
ลักษณะสำคัญอีกอย่างหนึ่งของ AUD คือมันมีความสัมพันธ์ในทางบวกกับราคาทองคำ เหตุผลภายใต้คำตอบนี้คือ ออสเตรเลียเป็นประเทศที่ผลิตทองรายใหญ่เป็นอันดับสาม ซึ่งเป็นโลหะเรืองแสงมีมูลค่าถึง 55 % ของยอดส่งออก
ซึ่งอยู่ 12 พันล้าน AUD ต่อปี เมื่อราคาทองคำขึ้นและลง ทำให้ค่าเงินออสเตรเลียเคลื่อนไหวตามไปด้วย
...ฉันเป็นค่าเงินที่ดีที่สุดค่าหนึ่งในการเล่นแบบ carry trade
ท่ามกลางค่าเงินหลักอื่น ๆ ค่าเงิน AUD เป็นค่าเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยสูง ซึ่งทำให้เหมาะสำหรับการเทรดแบบ Carry Trade ซึ่งเป็นการเทรด Buy ค่าเงินที่ดอกเบี้ยสูง และ Sell ค่าเงินที่ดอกเบี้ยต่ำกว่า
ฉันเคลื่อนไหวไม่กี่ชั่วโมงต่อวัน...
การเคลื่อนไหวส่วนใหญ่ของค่าเงิน AUD ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในช่วงเวลาตลาดเอเชีย เมื่อข้อมูลทางเศรษฐกิจออกมา แม้ว่าจะมีข่าวจากทางฝั่งยุโรป หรือ สหรัฐฯ ค่าเงินก็ยังไม่ได้เคลื่อนไหวมาก
...และสภาพอากาศไม่ดี เป็นหนึ่งในศัตรูของฉัน !
เศรษฐกิจออสเตรเลียนั้นผูกกับโภคภัณฑ์ แต่ว่าถ้าเศรษฐกิจไม่ดี ซึ่งจะนำไปสู่การ Sell AUD
แล้วมันกระทบกับค่าเงิน AUD มากขนาดไหน?
อืมมม ช่วงปี 2002 อัตราแลกเปลี่ยนของ AUD/USD นั้นอยุ่ที่ .4470 ซึ่งเกือบจะครึ่งหนึ่งของค่าเงินเดิม !
เครื่องมือทางเศรษฐกิจที่สำคัญของออสเตรเลีย
Consumer Price Index – เพราะว่าจุดประสงค์หลัก ของ RBA คือการควบคุมเงินเฟ้อ ดัชนี CPI ซึ่งวัดการเปลี่ยนแปลงราคาของของสินค้าอุปโภคบริโค จึงถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด
Balance of Trade – ออสเตรเลียนั้นมีภาคการค้าที่รุ่งเรือง ดังนั้นนักเทรดค่าเงินมักจะจับตามองยอดส่งออกและนำเข้าเสมอ
Gross Domestic Product – นี่บอกถึงว่าเศรษฐกิจของออสเตรเลียเป็นอย่างไร ถ้าออกมาเป็นบวกก็หมายถึงการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ และถ้าเป็นลบก็หมายถึงเศรษฐกิจถดถอย
Unemployment Rate – อัตราการว่างงานนั้นบอกถึงการใช้แรงงานในออสเตรเลีย บอกถึงจำนวนของผู้ถูกจาก หรือ ว่างงาน ซึ่งจะเกี่ยวพันกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจอื่น ๆ คนที่ไม่มีงานย่อมไม่มีเงินที่จะใช้จ่าย
อะไรทำให้ค่าเงิน AUD เคลื่อนไหว
ภาพรวมเศรษฐกิจและอัตราดอกเบี้ย
ค่าเงิน AUD นั้นเกี่ยวกับเศรษฐกิจมหภาคเป็นอย่างมาก เช่น นโยบายทางการเงิน อัตราดอกเบี้ย และ ข้อมูลเศรษฐกิจภายในประเทศ
ในการเทรดค่าเงิน AUD ต้องให้ความสนใจในอัตราดอกเบี้ย และสิ่งเหล่านี้มาจากการตัดสินใจของ RBA ซึ่งทำให้เกิดผลกระทบกับค่าเงิน AUD
เศรษฐกิจจีน
ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา จีนนั้นมีบทบาทเศรษฐกิจภูมิภาคนี้อย่างมาก ในการผลิตสินค้านั้น จีนมีต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมากเช่น ถ่านหิน เหล็ก ที่มีในออสเตรเลีย
การซื้อทรัพยากรธรรมชาติจากออสเตรเลียนี้ ต้องแลกอัตราแลกเปลี่ยนเป็นเงิน ดอลล่าร์ออสเตรเลียซะก่อน นั่นหมายถึงการเพิ่มขึ้นของอุปสงค์ของสินค้าจีน ทำให้ค่าเงิน AUD มีมูลค่ามากขึ้น
และเช่นเดียวกัน การลดลงของความต้องการสินค้าในจีน ทำให้เงิน AUD นั้นด้อยค่าลง
ข้อมูลทางนิวซีแลนด์
มาดูผลกระทบจากข้อมูลเศรษฐกิจของนิวซีแลนด์กันหน่อยซึ่งมีผลกระทบกับพฤติกรรมราคาของ AUD ซึ่งสองประเทศมีเศรษฐกิจที่คล้ายคลึงกันมาก ทำให้มีความสัมพันธ์ของเศรษฐกิจเป็นไปในทางบวก
ซึ่งจริงๆ แล้วความสัมพันธ์ของสองประเทศนั้นสามารถบรรยายด้วยคำว่า "Trans-Tasman" ซึ่งแสดงความเกี่ยวพันทางเศรษฐกิจ และบ่งบอกถึงทะเลทาสมัน ที่อยู่ระหว่างพวกเขา
ด้วยเหตุนี้ มันสำคัญมากในการเฝ้าดูข้อมูลของทางนิวซีแลนด์ที่ออกมาอาจจะทำให้ AUD นั้นเคลื่อนไหว
การเทรดค่าเงิน AUD/USD
AUD/USD จะถูกเทรดในค่าเงิน AUD และ Standard lot เท่ากับ 100,000 AUD และ mini lot เท่ากับ 10,000 AUD
มูลค่าต่อจุด ซึ่งจะคิดเป็นเงินดอลล่าร์ และถูกคำนวณโดยการแบ่งเป็นจุด ของค่าเงิน AUD/USD (เช่นราคาละ 0.0001) โดยเปลี่ยนแปลงตามอัตราแลกเปลี่ยน
กำไรและขาดทุนนั้นจะคิดเป็นเงินดอลล่าร์ สำหรับ standard lot ซึ่งหนึ่งจุดจะมีมูลค่าเท่ากับ 10 เหรียญ และ mini lot 1 จุดจะมีมูลค่าเท่ากับ 1 เหรียญ
การคำนวณมาจิ้น จะคิดเป็นเงิน ดอลล่าร์ ตัวอย่างเช่น ถ้าค่าเงิน AUD/USD ปัจจุบันอยู่ที่ 0.9000 และ leverageเท่ากับ 100:1 จะต้องใช้มาร์จิ้น 900 USD ในกาเทรด 1 Standard Lot และถ้าค่าเงินเพิ่มสูงขึ้นก็จะต้องใช้มาร์จิ้นมากขึ้น และในทางกลับกันถ้ามันลดต่ำลงก็จะต้องใช้มาร์จิ้นน้อยลง
เทคนิคการเทรดค่าเงิน AUD/USD
เมื่อค่าเงิน AUD เป็นค่าเงินที่เหมาะกับ Carry Trade ซึ่ง การซื้อค่าเงิน ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูง และขายในอัตราดอกเบี้ยต่ำ และค่าเงิน AUD/USD ก็ใช้ได้ดี
แล้วเราจะใช้ความได้เปรียบอย่างไร?
อืม ถ้าคุณเห็นจุดเบรคเอาท์ในสัญญาณทางเทคนิค ของแนวรับในค่าเงิน AUD/JPY ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีในการ sell AUD/USD!
อีกอย่างหนึ่งในการพิจารณาเมื่อการเทรด AUD/USD ข้อมูลนั้นมาจากนิวซีแลนด์ เพราะว่าออสเตรเลียนั้นมีความสัมพันธ์ทางบวกกับข้อมูลเศรษฐกิจกับนิวซีแลนด์ทำให้ค่าเงิน AUD เพิ่มขึ้น
นี่หมายความว่า ถ้ารายงานเศรษฐกิจของออสเตรเลียนั้นออกมาดี ก็เป็นสัญญาณในการซื้อ AUD ในทางกลับกัน ข้อมูลทางเศรษฐกิจจากนิวซีแลนด์ เป็นเหตุผลให้เราใช้ในการตัดสินใจ sell ค่าเงิน AUD
สุดท้ายคุณต้องเอาใจใส่กับราคาของโภคภัณฑ์ด้วย โดยเฉพาะทอง เพราะว่ามันช่วยชี้นำราคา AUD ได้
หมายความว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่ทองมีค่าขึ้น มูลค่าของ AUD/USD ก็จะเคลื่อนไหวในไม่ช้า และเมื่อทองตก ก็จะเคลื่อนไหวคล้อยตามกันเช่นเดียวกัน
