ประวัติของ Forex

ตอนนี้คุณจบการศึกษาระดับ มหาวิทยาลัยของ BabyPips.com บางทีคุณคงรู้สึกอยากจะเทรดตะหงิด ๆ แล้ว แต่ว่า ก่อนที่คุณจะเริ่มต้นเดินทาง คุณยังต้องใช้อีกอย่างหนึ่ง !

เราต้องการให้คุณได้สิ่งที่ดีที่สุด ดังนั้นเราเลยตัดสินใจสร้างบทนี้เข้ามา ซึ่งจะช่วยให้คุณเลือกโบรกเกอร์ได้เหมาะสมกับคุณ เราจะมาเริ่มกันด้วย ประวัติของโบรกเกอร์รายย่อย

ที่ผ่านมาอินเตอร์เน็ตมีส่วนอย่างมากที่นาเรามารู้จัก YouTube Facebook Twitter Babypips.com .. ใช่แต่เราต้องการพูดถึงเรื่องโฟเร็ก

การเทรดโฟเร็กของรายย่อย !

จริง ๆ แล้ว โฟเร็กรายย่อยอย่างเรา ๆ คงไม่เกิดขึ้นถ้าไม่มีออนไลน์โบรกเกอร์ ต้องย้อนไปในช่วงปี 90 มันยากมากในการเข้าเทรดในตลาดเพราะว่า ต้นทุนการดำเนินการสูง ซึ่งช่วงนั้น รัฐบาลนั้นรัฐบาลควบคุมอัตราแลกเปลี่ยนอย่างเคร่งครัด

หลังจากนั้น CFTC ตัดสินใจว่าพอ พวกเขาผ่านร่างตั้งหน่วยงานชื่อ Commodity Exchange Act และ Commodity Futures Modernization Act เพื่อเปิดประตูไปสู่ โบรกเกอร์ออนไลน์ ตั้งแต่นั้นมาทุกคนที่เข้าอินเตอร์เน็ตได้สามารถเปิดบัญชีกับโบรกเกอร์ได้ง่ายและสะดวก

หลายโบรคเกอร่ได้เปิดขึ้น และใช้ความนิยมที่มีในความนิยมของธุรกิจโฟเร็ก แต่ว่าตอนนี้มันเยอะเกินไป จึงยากที่จะแยกความแตกต่างระหว่างโบรกเกอร์ที่ดี และ ไม่ดี เราไม่ได้ล้อเล่นเรื่องโบรกเกอร์ไม่ดี

โบรกเกอร์แต่ละประเภท

ขั้นแรกในการเลือกโบรกเกอร์คือการหาว่าคุณต้องการแบบไหน คุณไม่ต้องเดินไปร้านอาหาร แล้วสั่งอาหาร นอกจากคุณจะเป็นลูกค้าที่นั่นบ่อย คุณต้องดูเมนูก่อนใช่ไหม? สิ่งแรกที่เราต้องดูคือพวกเขาให้อะไรได้บ้าง

มีโบรกเกอร์อยู่สองประเภท : Dealing Desks (DD) และ No Dealing Desksซึ่ง Dealing Desk (NDD) หรือเรียกอีกอย่างว่า Market Maker ขณะที่ No Dealing Desks สามารถแบ่งเป็นอีกคือ Straight Through Processing (STP)แล Electronic Communication Network + Straight Through Processing (ECN+STP)

แล้วโบรกเกอร์ประเภท Market Maker คืออะไร?

คือโบรกเกอร์ที่ดำเนินการผ่าน Dealing Desk (DD) brokers ซึ่งพวกเขาทำกำไร จากการกินค่า Spread และ การรับ order เทรดตรงข้ามกับลูกค้า ซึ่งพวกเขาจะอ้างอิงอัตราแลกเปลี่ยนจากตลาด forex ขณะนี้คุณอาจจะคิดว่า มันขัดแย้งกันเรื่องผลประโยชน์อยู่ แต่ว่าไม่มีหรอก Market Maker นั้นรับ order ทั้งสองประเภทคือ Buy & Sell ซึ่งแล้วแต่การตัดสินใจเทรดของนักเทรด

เพราะ market maker นั้นสามารถควบคุมราคาได้ ยังมีความเสี่ยงนิดน้อยเนื่องจากมีการ Fixed Spread (คุณจะเข้าใจว่ามันดียังไง) และลูกค้าของ Dealing Desk โบรกเกอร์จะไม่ได้ส่งเข้า

ตลาดกลาง แต่อย่าพึ่งกลัว การแข่งขันระหว่างโบรกเกอร์นั้นสูงมาก ทำให้ราคานั้นเหมือนกับ อัตราของธนาคารกลางเสมอ

การเทรดโดยใช้โบรกเกอร์ Dealing Desk โบรกเกอร์นั้นทำงานอย่างนี้ :

สมมติว่าคุณส่ง order Buy ค่าเงิน EUR/USD 100,000 หน่วยกับ โบรกเกอร์ Dealing Desk ของคุณ พวกเขาจะพยายามแมทกับ order Sell กับลูกค้าคนอื่นก่อน แล้วหลังจากนั้นจะผ่าน order ของคุณไปยังผู้ที่รับ order ของ หรือคนที่คอยเพิ่มสภาพคล่องให้ตลาด

การทาแบบนี้พวกเขาต้องการจากัดความเสี่ยง และเขาก็ได้เงินจากค่า Spread โดยไม่ต้องรับ order ของลูกค้า อย่างไรก็ตามถ้าเกิดมี order ที่ไม่ แมทช์ พวกเขาก็ต้องยอมรับ order ของคุณ จำไว้ว่า แต่ละโบรกเกอร์ก็มีนโยบายความเสี่ยงแตกต่างกัน ดังนั้นต้องเช็คเงื่อนไขกับโบรกเกอร์ของคุณด้วย

อะไรคือ No Dealing Desk Broker?

ตามที่แนะนำ ตามชื่อของมัน No Dealing Desk (NDD) พวกเขาจะไม่เอา order ของพวกเขาไปให้ Dealing Desk เป็น Broker นั่นคือพวกเขาไม่รับ order เทรดของลูกค้า

NDDs เป็นเหมือนกับผู้สร้างสะพาน พวกเขาสร้างโครงสร้าง NDDs และคิดค่าธรรมเนียมน้อยนิดในการเทรด หรือบางทีอาจจะเพิ่มขึ้นนิดหน่อย

No Dealing Desk สามารถเป็นได้ทั้ง STP หรือ STP+ECN โบรกเกอร์

แล้ว STP โบรกเกอร์คืออะไร?

บางโบรกเกอร์นั้นบอกว่าพวกเขาเป็นโบรกเกอร์ ECN แต่ว่า ในความจริงแล้ว พวกเขาไม่มีระบบ Straight Through Processing เลย

โบรกเกอร์ที่มีระบบ STP เพื่อที่จะสามารถให้ลูกค้าของพวกเขาส่ง order เข้าสู่ ตลาดกลางได้เล NDD STP โบรกเกอร์นั้นมีคนให้สภาพคล่องหลายหน่วยงาน ซึ่งแต่ละหน่วยก็จะให้บริการ Bid หรือ Ask ของช่วงราคาของพวกเขาเอง

สมมติว่า โบรกเกอร์ NDD STP มีผู้สร้างสภาพคล่อง 3 ราย ในระบบนี้จะเห็นว่ามี คู่ราคาของ Bid กับ Ask

Bid
Ask
Liquidity Provider A
1.2998
1.3001
Liquidity Provider B
1.2999
1.3001
Liquidity Provider C
1.3000
1.3002

ระบบของพวกเขาจะแยก Bid กับ Ask จากราคาดีที่ดีที่สุดไปยังราคาที่ไม่ดีที่สุด ในกรณีนี้ ราคาที่ดีที่สุดคือ 1.30000(คุณต้องการ Sell ที่ราคานี้) และราคา Ask ที่ดีที่สุดคือ 1.30001(คุณต้องการ Buy ที่ราคานี้) ราคา Bid และ Ask ของตอนนี้ คือ 1.30000 / 1.30001

และนี่ก็คือราคาที่คุณเห็นในโปรแกรมของคุณหรือไม่?

แน่นอนว่าไม่ !

โบรกเกอร์ไม่ได้เป็นกองทุนการกุศล โบรกเกอร์ของคุณไม่ได้จับคู่ราคาเหล่านี้ให้คุณฟรี ๆ !

เนื่องจากงานที่วุ่นวายของพวกเขา โบรกเกอร์ของคุณจะเพิ่มส่วนเล็ก ๆ เข้าไปใน Spread ถ้านโยบายของพวกเขาคือ 1 จุด ราคาที่คุณจะเห็นบนโปรแกรมของคุณคือ 1.2999/1.3002. นั่นคือ 3 จุด 1 Spread สำหรับเขา จะกลายเป็น 3 จุดสำหรับคุณ

ดังนั้นเมื่อคุณอยากจะ Buy EUR/USD ที่ 100,000 หน่วย ที่ราคา 1.3002 order ของคุณจะถูกส่งไปยังผู้ให้สภาพคล่อง A หรือ B

ถ้า order ของคุณแมทช์กับ ผู้ให้สภาพคล่อง A หรือ B พวกเขาจะมี order Sell 100000 หน่วยของค่าเงิน EUR/USD ที่ราคา 1.30001 และคุณจะมี order Buy 100000 หน่วยของค่าเงิน EUR/USD ที่ราคา 1.30002 โบรกเกอร์ของคุณจะได้กำไร 1 จุด

การเปลี่ยน bid/ask เป็นเหตุผลว่าทำไม Broker STP ส่วนใหญ่ มี Spread เคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา ถ้า Spread ของ ผู้ให้สภาพคล่องของตลาดห่างกัน พวกเขาก็ไม่มีทางเลือก แต่บางโบรกเกอร์ก็มีแบบ Fixed Spread เหมือนกันแต่ส่วนใหญ่จะเป็น Spread ไม่คงที่

แล้ว ECN โบรกเกอร์คืออะไร?

โบรกเกอร์ ECN จริง ๆ จะส่ง order ของลูกค้าเข้าไปแมทช์กับ order ของคนอื่นในตลาดที่ผ่านระบบ ECN เหมือนกัน

คนอื่นอาจจะเป็น ธนาคาร นักเทรดรายย่อย เฮดจ์ฟัน หรือแม้แต่โบรกเกอร์ ซึ่งผู้เทรดแต่ละคนจากแต่ละโบรกเกอร์จะมี Bid และ Ask ในราคาที่ต่างกัน

ECN โบรกเกอร์จะทำให้ลูกค้าสามารถเห็นปริมาณการเทรดในตลาดว่าคนอื่นเค้าเทรดอะไรที่ไหน เพราะว่า ธรรมชาติของ ECN นั้น โบรกเกอร์จะคิดค่าธรรมเนียมน้อยนิด จากการแมทช์ order ของลูกค้า

เนื้อหาต่อไป : แล้วเราควรจะใช้โบรกเกอร์ประเภทไหน?

prevcontentnext

เนื้อหาก่อนหน้า : การคำนวณค่าความสัมพันธ์โดยใช้ Excel