Spreads พันธบัตร

Spread ของพันธบัตรนั้นคือความแตกต่างระหว่าง อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรระหว่างสองประเทศ

ความแตกต่างนี้จะทำให้การเทรดแบบ Carry Trade ได้ประโยชน์ที่เราเคยพูดถึงบทเรียนก่อน

การสังเกตุ spread ของพันธบัตร และความคาดหวังของอัตราดอกเบี้ย คุณจะรู้ว่าค่าเงินจะเคลื่อนไหวไปทางไหน

มาดูว่าหมายความว่ายังไงกัน :

Spread ของพันธบัตรนั้นจะแสดงค่าเงินของประเทศที่มีอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรที่สูงกว่าเปรียบเทียบกับประเทศที่มีผลตอบแทนของพันธบัตรที่ต่ำกว่า

คุณสามารถดูได้จากกราฟของค่าเงิน AUD/USD และ Spread ของพันธบัตร Spread ของพันธบัตรระหว่างพันธบัตรอายุ 10 ปีของ สหรัฐอเมริกาและออสเตรเลียจากช่วงปี 2000 - 2009

สังเกตุว่าเมื่อ Spread ของพันธบัตรเพิ่มขึ้นจาก 0.50% ถึง 1.00% จากปี 2002 ถึง 2004, ค่าเงิน AUD/USD แข็งค่าขึ้นเกือบ 50%, จาก .5000 ถึง 0.7000

เช่นเดียวกันในปี 2007 เมื่อความแตกต่างของพันธบัตรเพิ่มสูงขึ้นจาก 1.00% ถึง 2.50%, ค่าเงิน AUD/USD เพิ่มจาก .7000 ไปอยู่ที่เหนือ .9000 ตั้ง 2000 จุดเชียว !

เมื่อภาวะถดถอยเริ่มปรากฏเมื่อปี 2008 ธนาคากลางต่างๆ เริ่มลดอัตราดอกเบี้ย ทำให้ค่าเงิน AUD/USD อ่อนค่าลงจาก .9000 ไปถึง 0.7000

แล้วเกิดอะไรขึ้น ?

ปัจจัยหนึ่งคือนักเทรดนั้นใช้ความได้เปรียบนี้ในการเทรดแบบ carry trades

เมื่อ Spread ของพันธบัตรเพิ่มสูงขึ้น เทรดเดอร์จะเข้าถือ order Buy ค่าเงิน AUD/USD

ทำไมล่ะ?

เพื่อใช้โอกาสนี้เล่นแบบ carry trade!

อย่างไรก็ตามเมื่อธนาคารกลางออสเตรเลีย ลดอัตราดอกเบี้ยลง Spread ของพันธบัตรก็จะเหลือน้อย เทรดเดอร์ก็จะปิด order Buy ของเขาเมื่อมันไม่ได้ทำกำไรอีกต่อไป

ตลาดพันธบัตร ตราสารหนี้ และตลาด forex

ทบทวนกันเล็กน้อย ที่ผ่านมาเราพูดถึงว่าความแตกต่างของผลตอบแทนของพันธบัตรนั้นสามารถเป็นเครื่องมือ Indicator ของพฤติกรรมการเคลื่อนไหวของค่าเงิน

เมื่อ Spread ของพันธบัตรหรืออัตราความแตกต่างของเศรษฐกิจสองประเทศเพิ่มขึ้น ค่าเงินที่มีผลตอบแทนพันธบัตรสูงกว่าจะมีค่าสูงกว่าค่าเงินที่มีผลตอบแทนพันธบัตรต่ำกว่า

เช่นเดียวกับพันธบัตร กับตราสารหนี้ คือ การลงทุนที่ให้ผลตอบแทนตายตัวในช่วงเวลาหนึ่ง ฉะนั้นเศรษฐกิจที่ให้ผลตอบแทนมากกว่าก็จะน่าดึงดูดมากว่า ใช่ไหม?

ซึ่งจะทำให้ค่าเงินของพวกเขานั้นมีค่าสูงขึ้นมากกว่าการลงทุนตราสารหนี้เช่นกัน

ลองมาดู Gilt กับ Euribors กัน (เรากำลังพูดถึง พันธบัตรรัฐบาลอังกฤษ กับ ตราสารหนี้ยูโร!)

ถ้า Euribors ให้ผลตอบแทนต่ำกว่าเมื่อเทียบกับ gilts นักลงทุนจะไม่สนใจในการลงทุนในตลาดยูโร และจะลงทุนในตราสารหนี้ เพราะว่าค่าเงินยูโรจะอ่อนค่ากว่าค่าเงินอื่น เช่น ค่าเงินปอนด์

ซึ่งทฤษฎีนี้ สามารถใช้กับตราสารหนี้ กับค่าเงินใดก็ได้

คุณสามารถเปรียบเทียบผลตอบแทนของ ตราสารหนี้ของบราซิล กับ ตราสารหนี้ของรัสเซีย และใช้ความแตกต่างนี้ในการคาดเดาทิศทาง ค่าเงิน Real และ Ruble ของรัสเซียได้

หรือคุณสามารถใช้ ตราสารหนี้ของไอร์แลนด์ กับ ตราสารหนี้เกาหลี เหมือนกัน... คงพอเข้าใจแล้วนะ

ถ้าคุณอยากจะทดสอบความสัมพันธ์เหล่านี้ด้วยตัวคุณเอง คุณสามารถหาข้อมูลเหล่านี้ได้จากสองเว็บไซต์นี้ :

- Bloomberg : www.bloomberg.com/markets/rates-bonds/government-bonds/us/

- BondsOnline : www.bondsonline.com/Corporate_Bond_Yield_Index.php

คุณสามารถเช็คได้ตามเว็บของหน่วยงานรัฐบาลประเทศต่างๆ ในการหาอัตราผลตอบแทนของพันธบัตร ณ เวลานั้น ซึ่งค่อนข้างแม่นยำ เพราะพวกเขาเป็นรัฐบาล คุณไว้ใจพวกเขาได้แน่นอน

จริงๆแล้วประเทศส่วนใหญ่ก็มีพันธบัตรกันหมด แต่ว่าคุณควรจะให้ความสนใจกับประเทศที่เกี่ยวพันกับค่าเงินหลักก่อน

ต่อไปนี้เป็นพันธบัตรที่ได้รับความนิยมรอบโลก และชื่อเล่นของมัน :

ประเทศ

ชื่อพันธบัตร, ชื่อเล่น

สหรัฐฯ

สหราชอาณาจักร

ญี่ปุ่น

สหภาพยุโรป

เยอรมัน

สวิตเซอร์แลนด์

แคนาดา

ออสเตรเลีย

นิวซีแลนด์

สเปน

U.S. Treasury bonds, Yankee bonds

Gilts, Bulldog bonds

Japanese bonds, Samurai bonds

Euro zone bonds, Euribors

Bunds

Swiss bonds

Canadian Bonds

Australian Bonds, kangaroo bonds, Matilda bonds

New Zealand bonds, Kiwi bonds

Matador bonds

บางประเทศยังมีพันธบัตรที่เงื่อนไขแตกต่างกันไป ดังนั้นคุณต้องเช็คดูว่าคุณเปรียบเทียบพันธบัตรที่มีเงินไขเหมือนกันรึเปล่าเช่น (5-year gilts กับ 5-year Euribors),ไม่อย่างนั้นการวิเคราะห์ของคุณอาจจะผิดพลาด

และเราไม่ได้ต้องการให้เป็นอย่างนั้น

เนื้อหาต่อไป : Forex ตลาดทุนโลก กับตัวคุณ

prevcontentnext

เนื้อหาก่อนหน้า : พันธบัตร 411