บทที่ 17
Oversold

แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นจริงคืออะไร? จากรูปที่ 17.20 จะเห็นได้ว่า ราคาหุ้น FIN1 ได้ตัดเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 10 วันลงมา (ตรงหมายเลขที่ 57) ดังนั้น ก็เท่ากับว่าเราได้ขายหุ้นในส่วนที่เหลือออกไปแล้ว ซึ่งหลังจากที่ราคาได้ทะลุเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 10 วันลงไป ราคาก็ยังคงอ่อนตัวลงไปทดสอบแนวรับจากเส้นค่าเฉลี่ย 25 วันอีก (หมายเลข 58) ซึ่งเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 25 วันมีโอกาสที่จะทำให้ราคามีการดีดตัวขึ้นไหม? ดูอย่างเดียวแค่นี้ไม่รู้หรอกครับ ต้องใช้ความเป็นไปได้ของเครื่องชี้เข้ามาช่วยประกอบการพิจารณา

จากรูปที่ 17.21 ท่านผู้อ่านคงจะเห็นได้ว่า 9RSI มีแนวหนุนในเชิงราบตามแนวเส้นไข่ปลาที่หมายเลข 59 และ 60 ขณะที่เครื่องชี้ Stochastic ทั้ง %K และ %D ก็เริ่มเข้ามาอยู่ใน Oversold zone (ตามหมายเลข 61 ในรูปที่ 17.21) ซึ่งจากการสังเกตจะพบว่า ในช่วงก่อนหน้านี้ ณ ระดับความลึกขนาดนี้ ค่า %K เคยมีการดีดตัวขึ้น ดังนั้น จาก 2 เครื่องชี้นี้ เราน่าจะช้อนหุ้นไว้สักหน่อย สมมติว่าช้อนไว้ 300 หุ้นก็แล้วกัน ทำไมไม่ช้อนซื้อมากกว่านี้? เหตุก็เพราะเราจะให้หลักของ moving average เข้าทยอยเก็บหุ้นมากกว่าที่จะทุ่มเข้าไปซื้อทั้งหมด และอีกประการก็คือ สัญญาณในระยะกลางอย่าง MACD ในรูปที่ 17.21 ยังคงอยู่ในแนวการอ่อนตัวลงอยู่ตามหมายเลข 62 ดังนั้น ในระยะกลางมันยังคงไม่สวยเท่าไร!
หลังจากที่เราเข้าช้อนซื้อ จะเห็นได้ว่าราคาหุ้น FIN1 ยังคงไม่สามารถขยับตัวข้ามแนวต้านจากเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 10 วันขึ้นไปได้ เพราะหลังจากที่ราคาขึ้นไปทดสอบแล้ว (ตรงหมายเลข 63 ในรูปที่ 17.22) ปรากฏว่าราคาไม่สามารถทะลุขึ้นไปได้อย่างมีนัยสำคัญ แถมยังปรับตัวลงมาทดสอบแนวรับจากเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 25 วันอีกครั้ง ที่หมายเลข 64 เราจะทำอย่างไรต่อไปดี?

เก็บหุ้นเข้าพอร์ทเพิ่มอีกสักหน่อยตรงหมายเลข 64 เอาอีกสัก 300 หุ้นแล้วกัน ซึ่งหลังจากนั้น ท่านผู้อ่านคงจะเห็นแล้วว่าราคาก็ได้ดีดตัวกลับขึ้นไปจรทะลุเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 10 วันขึ้นไป ซึ่งเราก็จะทำการเข้าซื้ออีก (ตามหลักของการตัดกันระหว่าง price กับ moving average) เอาเท่าไรดี? สัก 400 หุ้นแล้วกัน ดังนั้น ยอดรวมขณะนี้เราจะมีหุ้นอยู่เท่ากับ 1,000 หุ้น โดยที่ราคาหุ้น FIN1 มีแนวต้านถัดไปอยู่ที่แนวไข่ปลาหมายเลขที่ 66 ซึ่งเป็น resistance level จากบริเวณยอด (peak) เดิมในอดีต