แล้ว ตลาดที่เกิดเทรนด์ คืออะไร?
ตลาดที่เกิดเทรนด์คือ การที่ตลาดเคลื่อนไหวในทิศทางใดทิศทางหนึ่งอย่างชัดเจน
แน่นอนว่า ราคาอาจจะไม่ได้เคลื่อนไหวไปตามเทรนด์ทุกครั้ง แต่ว่าให้ดูระยะยาว หรือดูที่ Time Frame ใหญ่ ๆ คุณจะเห็นว่าที่มันเคลื่อนไหวตรงข้ามกับเทรนด์นั้นเป็นแค่การพักฐานของราคา

เทรนด์ มักจะถูกกำหนดโดย "Higher highs" (ทำราคาสูงสุดครั้งใหม่) และ "higher lows" (พักฐาน) ในเทรนด์ขาขึ้น และในเทรนด์ขาลงก็จะเป็น "lower highs" (พักฐานขาลง) "lower lows" ทำราคาต่ำสุดครั้งใหม่ ในเทรนด์ขาลง
เมื่อเราใช้กลยุทธ์การเทรดแบบการเทรดตามเทรนด์ นักเทรดควรจะใช้ค่าเงินหลักหรือค่าเงินที่เปรียบเทียบกับเงินดอลล่าร์เพราะว่าค่าเงินจะมีเทรนด์ที่เยอะกว่าและมีสภาพคล่องมากกว่าค่าเงินอื่นๆ
สภาพคล่องนั้นมีความสำคัญต่อการเทรดที่อ้างอิงการเกิดเทรนด์ หรือระบบเทรดแบบ Trend following ยิ่งค่าเงินมีสภาพคล่องเยอะเท่าไหร่ ยิ่งมีการเคลื่อนไหวมากขึ้นตามตัว
ยิ่งค่าเงินแสดงการเคลื่อนไหวได้ชัดเจนเท่าไหร่ เราก็จะมีโอกาสในการเคลื่อนไหวเหล่านั้น ซึ่งจะเคลื่อนไหวในทิศทางเดียว แทนที่จะเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ และในช่วงราคาที่ไม่มากอย่างตลาด Sideway หรือการเล่นแบบ Swing Trade
แทนที่เราจะใช้การสังเกตุพฤติกรรมราคา คุณสามารถใช้ เครื่องมือทางเทคนิคที่คุณได้เรียนรู้ในบทก่อนหน้านี้ ในการตัดสินใจว่าค่าเงินไหนที่เกิดทรนด์หรือว่าไม่ได้เกิดเทรนด์
เครื่องมือ ADX ในช่วงที่ตลาดมีเทรนด์ชัดเจน
วิธีหนึ่งในการจะบอกว่าตลาดกำลังเกิดเทรนด์คือ การใช้เครื่องมือ Average Directional Index หรือเรียกสั้น ๆ ว่า ADX
เครื่องมือนี้ถูกพัฒนาขึ้นโดย J. Weller Wilder เครื่องมือนี้ใช้ในการวัดระยะการเคลื่อนไหวจาก 0 -100 ว่าถ้าเกิดราคาเคลื่อนที่ในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง ว่าตลาดนั้นเป็น ช่วงที่มีเทรนด์ หรือว่า เป็นช่วงตลาด Side way
ถ้าค่าที่ออกมา มากว่า 25 เครื่องจะบอกได้ว่าราคาช่วงนี้กำลังเกิดเทรนด์หรือว่า ช่วงนี้กำลังอยู่ในเทรนด์ที่แรงพอสมควร
ยิ่งตัวเลขยิ่งสูง เทรนด์ยิ่งมีความแรงมากเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม เส้น ADX เป็นเครื่องมีที่ยังมีความผิดพลาดอยู่ ซึ่งหมายความว่ามันไม่สามารถทำนายอนาคตได้ และมันก็ยังเป็นเครื่องมือที่บอกทิศทางไม่ได้ นั่นหมายความว่ามันไม่ได้บอกว่าเทรนด์จะไปทางขาขึ้นหรือขาลง
ลองมาดูตัวอย่างซักตัวอย่างกัน ราคากำลังเกิดเทรนด์ เป็นเทรนด์ขาลง และตัว ADX เคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับสูงกว่า 25

เครื่องมือ Moving Averages (ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่) ในช่วงที่ตลาดเกิดเทรนด์
ถ้าคุณไม่ชอบใช้ ADX คุณสามารถใช้เครื่องมือ ธรรมดาๆ แบบเส้น simple moving averages มาดูกัน!
เพิ่ม เส้น SMA ค่า 7, 20 และ 65 ลงในกราฟของคุณ แล้วรอให้ทั้งสามเส้นนั้นมันกระจุกตัวก่อนที่จะตัดสินใจเทรด
ถ้าเส้น SMA 7อยู่เหนือเส้น SMA 20 และเส้น SMA 20 อยู่เหนือเส้น SMA 65 หมายความว่าตอนนี้กำลังเป็นขาขึ้น

หรืออีกกรณีหนึ่งถ้าเส้น SMA 7 อยู่ข้างล่างเส้น SMA 20 และเส้น SMA 20 อยู่ต่ำกว่าเส้น SMA 65 หมายความว่าตลาดกำลังอยู่ในช่วงขาลง

การใช้ Bollinger Bands ในการบอกเทรนด์ของตลาด
มีเครื่องมือตัวหนึ่งที่ใช้ในการบอกการสวิงตัวของราคา ซึ่งเราสามารถมาใช้ในการเทรดที่มีเทรนด์ได้เช่นเดียวกัน เรากำลังพูดถึง Bollinger band หรือเรียกสั้นว่า Band
อีกอย่างหนึ่งที่คุณควรรู้ไว้คือ เทรนด์นั้นไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก แต่ราคามักจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 70 -80 เปอร์เซ็นต์ของเวลานั้น เพราะว่า นั่นเป็นปกติของราคาที่มีการเคลื่อนไหวอยู่แล้ว
แต่ถ้าราคานั้นเบี่ยงเบนจากค่าปกติ เราถึงจะเรียกว่าเกิดเทรนด์ ใช่ไหม? แล้วเครื่องมืออะไรที่สามารถบอกได้ในบทเรียนก่อนหน้าในการวัดค่าเบี่ยงเบนกันล่ะ?
ถ้าคุณตอบว่า ไม้บรรทัด เราคงผิดหวังมากกับการที่เราพยายามสอนคุณมาตั้งนาน
ถ้าคุณตอบว่า Bollinger Band เราจะมีรางวัลเป็นนมกับคุ๊กกี้ไซเบอร์ นี่ไง จัดให้เลย!!!

Bollinger bands จะประกอบด้วยค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน แต่ว่าไม่ต้องห่วงเกี่ยวกับว่า ไอ้ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานนี้มันเป็นยังไง
นี่เป็นตัวอย่างว่าเราจะใช้ Bollinger Band ในการบอกเทรนด์ได้อย่างไร เตรียมพร้อมกันรึยัง
ใส่ Bollinger bands และใช้ค่า standard deviation (ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน) ที่ 1 และใส่ Bollinger band ตัวที่สองและใช้ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานที่ 2 คุณจะเห็นโซนราคาสามโซน คือ Sell Zone buy zone, และ "No-man's Land." (พื้นที่ไร้การครอบครอง)

Sell zone ก็คือ พื้นที่ระหว่าง Band ที่อยู่ข้างล่างของ Band ที่ใช้ค่า Standard deviation 1 และ Standard deviation 2 ให้เรารับรู้ไว้ว่าถ้าราคาของกราฟแท่งเทียนนั้นปิดอยู่ภายใต้ Band นั่นคือ พื้นที่ Sell นั่นเอง
Buy zoneก็คือ พื้นที่ระหว่าง Band ที่อยู่ด้านบนของเส้น SD 1 และเส้น SD (Standard Deviation) เช่นเดียวกับ Sell Zone ราคาต้องปิดระหว่าง Band ข้างบนทั้งสองถึงจะบอกได้ว่าราคาอยู่ใน Buy Zone
พื้นที่ระหว่างค่า Bollinger Band 1 คือพื้นที่ๆ ที่ตลาดจะยังลังเลในการหาทิศทาง ราคาจะปิดอยุ่ในพื้นที่นั้นที่เรียกว่า “No-Man's Land” ทิศทางราคาค่อนข้างกระจุกตัว
Bollinger bands ทำให้การยืนยันการเกิดเทรนด์นั้นง่ายขึ้นมาก
เทรนด์ขาลง สามารถยืนยันได้เมื่อราคาอยู่ใน sell zone
เทรนด์ขาขึ้น สามารถยืนยันได้เมื่อราคาอยู่ใน Buy zone