ตัวหมากรุกไทย

ทิศทางการเดินของตัวหมากรุกไทยทั้ง ๖ ประเภท

๑. ขุน

ทำหน้าที่เป็นนายพลหรือจอมทัพ เดินได้ทีละตาโดยรอบทั้ง ๘ ทิศ มีตาเดินได้ทั้งหมด ๘ ตา

ทางเดินของขุนเดินได้ทุกทางครั้งละ ๑ ตา มี ๘ ตา

วิธีเดินขุน

๒. เม็ด

หน้าที่หลักเป็นองครักษ์ของขุนเดินเป็นแนวเฉียงโดยรอบมี ๔ ตา

ทางเดินของเม็ดมี ๔ ตา

วิธีเดินเม็ด

๓. โคน

ทำหน้าที่คล้ายแม่ทัพรองลงมาจากขุนมีทางเดินเหมือนกับเม็ดแต่เพิ่มอีกหนึ่งตา คือเมื่อขึ้นไปข้างหน้าก็เดินในทางตรงได้ ๑ ตา รวม ๕ ตา

ทางเดินของโคนมี ๕ ตา

วิธีเดินโคน

โคนแม้ว่าจะมีแนวทางเดินเพียงสั้นๆ แต่มีความสำคัญในการเล่นอยู่มาก มีคำกล่าวว่า "ถ้ามีโคนคู่แล้ว ก็เปรียบเสมือนหนึ่งมีขุนอยู่ถึง ๓ ขุนด้วยกัน" คำกล่าวนี้เป็นความจริง เพราะโคนมีอำนาจในการป้องกันขุน และสามารถกระทำการรุกให้อีกฝ่ายหนึ่งหมดทางเดิน และขุนอีกฝ่ายจะไม่สามารถขยับเขยื้อนเมื่อถูกรุก ทำให้ต้องพ่ายแพ้ไปในที่สุด

๔. ม้า

เป็นหมากตัวสำคัญมากในกระบวนทัพของหมากรุกไทย เพราะเหตุว่า ม้ามีทางเดินไกลกว่าเม็ดหรือโคน แนวทางเดินของม้าจะเฉียงไปก่อนแล้วจึงเดินขึ้นไปในแนวตรง

ทางเดินของม้า มี ๘ ตา

วิธีเดินม้า

หรือให้ขึ้นแนวตรงก่อน ๑ ตา แล้วจึงเฉียงไปสองด้านในแนวขวาและซ้ายอีก ๑ ตา หรือ ขึ้นตรงไป 2 ตาก่อน แล้ววางด้านตาขวาหรือตาซ้ายตามต้องการก็ได้

วิธีเดินม้า วิธีเดินม้า

ม้าจึงมีแนวทางเดินทั้งหมดจากจุดเดียวถึง ๘ ทางด้วยกัน นักเล่นหมากรุกไทยที่มีความเก่งกล้าสามารถบางท่าน ยินยอมเสียเรือเพื่อเอาม้าไว้ เพราะถ้าได้จังหวะเมื่อไร ก็อาจจะรุกฆาตฝ่ายตรงข้ามและกินฟรี จนมีชัยชนะแก่ฝ่ายตรงข้ามในที่สุด

หมากจะดีหรือไม่ก็อยู่ที่ม้าเป็นตัวหมากที่สำคัญตัวหนึ่ง ซึ่งบทบาทของม้าในหมากรุกไทย มีอยู่มากด้วยกัน มีคำกล่าวว่า

คนที่จะเดินม้าให้เก่งแล้ว
ต้องสามารถเดินม้าให้ครบทั้ง ๖๔ ตาของกระดาน
โดยไม่ให้ซ้ำกันเลยแม้แต่ครั้งเดียว

สำหรับผู้ที่ฝึกฝนและสนใจในวิชาหมากรุกไทยก็ลองกระทำดูบ้าง เพราะม้าเป็นยุทธ์ปัจจัยที่สำคัญอย่างหนึ่งของกระบวนหมากรุกไทย

๕. เรือ

เป็นอาวุธหรือหมากที่มีการเดินทางได้ยาวที่สุด มีวิธีการเดินในแนวตรงโดยตลอด อาจจะเดินจากปลายกระดานด้านหนึ่งไปจดปลายอีกด้านหนึ่งของกระดานได้ ถ้าหากว่าไม่มีสิ่งกีดขวางหรือหมากตัวอื่นกันทางเดินเอาไว้ เรือจึงเป็นตัวหมากที่สำคัญมาก นักเล่นหมากรุกที่เพิ่งเล่นเป็นใหม่ๆ จะไม่ยอมเสียเรือแลกกับฝ่ายตรงข้ามเลยทีเดียว เพราะส่วนใหญ่ผู้ที่เล่นหมากรุกเป็น จะต้องหัดเดินเรือให้ชำนาญเสียก่อน จึงจะหัดเดินตัวหมากอื่นต่อไป

ทางเดินของเรือแนวตรง ๔ ทิศทาง

วิธีเดินเรือ

 

รูปทางเดินของเรือไปในแนวตรงตามทิศทั้งสี่ จะเดินช่องเดียวหรือหลายช่องก็ได้ การเดินของเรือนั้นจะเดินกี่ช่องก็ได้ แล้วแต่ความต้องการของผู้เดินเป็นสำคัญ

๖. เบี้ย

หากจะกล่าวกันแล้วเบี้ยคือพลทหารประจำในแนวรบนั่นเอง เพราะในหมากรุกทั้งหมด เบี้ยมีจำนวนมากที่สุด และตั้งแถวหน้ากระดานอยู่เบื้องหน้านายทัพนายกองทั้งปวง ที่เป็นเช่นนี้ก็เข้าหลักการรบของไทย หรือของประเทศส่วนใหญ่ ซึ่งต้องพิทักษ์รักษาจอมทัพไว้เบื้องหลัง ส่วนทหารเลวก็ตายเป็นจำนวนไม่น้อย แต่ถ้าหากเบี้ยเดินไปถึงที่มั่นของฝ่ายพลทหารหรือเบี้ยของฝ่ายตรงข้ามแล้ว เบี้ยก็มีศักดิ์หงายหรือกลายเป็นเม็ดได้ ดังนั้นเบี้ยเมื่อเลื่อนตำแหน่งแล้ว ก็เปรียบเสมือนหนึ่งองครักษ์ของขุนในโอกาสต่อไป ทางเดินเของเบี้ยให้คืบหน้าไปในแนวตรงโดยตลอดทีละหนึ่งตา ห้ามถอยหลังโดยเด็ดขาด

ทางเดินของเบี้ยใช้การคืบหน้าทีละ ๑ ช่อง ห้ามถอยหลัง

วิธีเดินเบี้ย

แต่เมื่อถึงการกินหรือการทำลายกัน การกินหรือกำจัดฝ่ายตรงข้าม ให้กระทำในแนวเฉียงทั้งด้านขวาและด้านซ้าย ทางหนึ่งทางใดก็ได้

เวลากินหรือทำลายฝ่ายตรงข้ามกินแนวเฉียง ทั้ง 2 ทาง

วิธีใช้เบี้ยกิน

ในเรื่องของหมากรุกไทยนั้น เมื่อฝ่ายหนึ่งสามารถกินหรือทำลายอีกฝ่ายหนึ่งลงได้แล้ว หมากของอีกฝ่ายหนึ่งต้องถูกกำจัดออกไปจากกระดานทันที