สวิตเซอร์แลนด์
สวิตเซอร์แลนด์ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1291 และอยู่ตรงกลางระหว่างยูโรปตะวันตก ซึ่งมีประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่ยาวนานร่วมกับ เยอรมัน ออสเตรีย อิตาลี และฝรั่งเศส
แม้ว่าจะเป็นประเทศที่อยู่ตรงกลางทวีปยุโรป สวิตเซอร์แลนด์นั้นไม่ได้อยู่ในสหภาพยุโรป ช่วงที่มีการจัดตั้งสหภาพยุโรป นั้นในช่วงปี 1990 สาธารณรัฐสวิสนั้นปฏิเสธการเข้าร่วมกลุ่มสหภาพยุโรป ดังนั้นสวิตเซอร์แลนด์จึงยังมีลักษณะเศรษฐกิจเป็นอิสระ
สวิตเซอร์แลนด์นั้นเป็นประเทศเล็กๆ แต่ว่ามันแข็งแกร่งมาก ประชากรมีราวๆ 7.78 ล้านคน ซึ่งราวๆ 477 คนต่อตารางไมล์
สวิตเซอร์แลนด์นั้นเป็นที่รู้จักในเรื่องของความเป็นกลางเริ่มจากช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง


สวิตเซอร์แลนด์ : ภาพลักษณ์รวม
- ประเทศเพื่อนบ้าน : เยอรมัน ฝรั่งเศส อิตาลี ออสเตรีย
- ขนาด : 15,940 ตารางไมล์
- ประชากร : 7,779,200
- ความหนาแน่นประชากร : 477.4 คนต่อตารางไมล์
- เมืองหลวง : Bern
- ผู้ปกครองประเทศ : ประธานาธิบดี Doris Leuthard
- ค่าเงิน : สวิสฟรังค์ (CHF)
- สินค้านำเข้าหลัก : เครื่องจัก และอุปกร์การขนส่ง เวชภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์เภสัชกรรม สารเคมีอื่น ๆ และสินค้าหัตกรรม
- สินค้าส่งออกหลัก : สารเคมี นาฬิกา นาฬิกาข้อมือ อาหาร เครื่องดนตรี เครื่องประดับ เครื่องจักร เวชภัณฑ์ ทองค้า สิ่งทอ Rolex, Roger Federer
- ประเทศคู่ค้าการนำเข้า : เยอรมัน (27.7%), สหรัฐฯ (10.6%), อิตาลี (10.3%), ฝรั่งเศส (8.4%), รัสเซีย (4.4%), สหราชอาณาจักร (4%)
- ประเทศคู่ค่าการส่งออก : เยอรมัน (21.2%), สหรัฐฯ (8.7%), ฝรั่งเศส (8.2%), อิตาลี (7.9%), ออสเตรีย (4.5%)
- Time Zones : GMT + 1
- เว็บไซต์ : http://www.switzerland.com/en.cfm/home
ภาพรวมเศรษฐกิจ
สวิตเซอร์แลนด์เป็นประเทศหนึ่งที่รวยที่สุดในโลกในเรื่องของรายได้ต่อหัว นั่นคือ คิดจาก GDP หารด้วยจำนวนประชากร
ในปี 2009 ซึ่งมี GDP ถึง $488 ล้าน ๆ เหรียญ ซึ่งทำให้ GDP ต่อหัวสูงถึง $43,195 เหรียญสหรัฐฯซึ่งสูงเป็นอันดับ 7 ของโลก
ในการเป็นประเทศคู่ค้าของเยอรมัน สหรัฐฯ ฝรั่งเศส อิตาลี ออสเตรีย รัสเซีย และอังกฤษ เช่นเดียวกับญี่ปุ่น สวิตเซอร์แลนด์นั้นเศรษฐกิจอิงอยู่กับการส่งออกซึ่งมีมูลค่าถึง $247.2 ล้านๆเหรียญ คิดเป็น 50.2% ของ GDP
อุตสาหกรรมหลักของสวิตเซอร์แลนด์ คืออุตสาหกรรมเครื่องจักร สารเคมี สิ่งทอ เครื่องวัดต่าง ๆ นาฬิกา อย่าพึ่งหัวเราะกับนาฬิกาเชียว เป็นสินค้าส่งออกหลักของสวิตเซอร์แลนด์เชียวละ !
นโยบายการเงินและการคลัง
Swiss National Bank (SNB) ตอนนี้ Mr. Philip Hildebrand เป็นประธานบอร์ดบริหารอยู่ ซึ่งเป็นผู้มีอิทธิพลต่อนโยบายการเงินและการคลังของประเทศ
บอร์ดบริหาร มีหน้าที่ในการตัดสินนโยบายของธนาคารซึ่งประกอบด้วยสมาชิกสามคน คือ ประธานบอร์ด รองประธาน และสมาชิกบอร์ด ซึ่งมีแค่สามคนเท่านั้น !
ไม่เหมือนธนาคารกลางอื่นๆ ที่ SNB ตั้งระยะของอัตราดอกเบี้ย (เรียกว่า libor) เป็นอิสระมากกว่าจะตั้งแบบตายตัว
จุดประสงค์คือการควบคุมอุปทานของเงินและอิทธิพลของอัตราดอกเบี้ย ทาง SNB มีบทบาทมากในการรักษาความมีเสถียรภาพของค่าเงิน
เนื่องจากค่าเงิน CHF ที่แข็งเกินไปอาจจะทำให้เงินเฟ้อสูงและบ่อนทำลายการส่งออกของประเทศ และด้วยความแข็งแกร่งทางด้านภาคการส่งออก ทาง SBN นั้นชอบให้ค่าเงิน CHF นั้นอ่อนตัว พวกเขาจะไม่ลังเลเลยที่จะเข้าแทรกแทรงตลาดเงิน เพื่อให้อ่อนค่าลง
นโยบายการเงินอีกอันหนึ่งที่มีความสำคัญ ในการควบคุมเงินเฟ้อ คือการตั้งเป้าเงินเฟ้อ ซึ่งจะหาได้จากดัชนีราคาผู้บริโภค หรือ CPI ซึ่งจะต้องต่ำกว่า 2% ต่อปี
ธนาคารจะพยายามให้เงินเฟ้อ อยู่ในระดับปกติผ่าน นโยบายตลาดแบบเปิดโดยการปรับอัตราดอกเบี้ย
พูดถึงนโยบายตลาดแบบเปิด ธนาคารกลางจะใช้อัตราดอกเบี้ยควบคุมการเข้าซื้อในระยะสั้น การทำธุรกรรมเกี่ยวกับการขายหลักทรัพย์ และจะซื้อหลักทรัพย์เดิมกลับในวันอื่น
ถ้าอัตราดอกเบี้ยในตลาดสูงขึ้นมากกว่าความต้องการของ SNB ธนาคารกลางจะเสริมสภาพคล่องผ่านอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า
อีกแง่หนึ่ง SNB สามารถลดสภาพคล่องโดยการเพิ่มอัตราดอกเบี้ย ด้วยเหมือนกัน
ทางด้านนโยบายการคลัง ที่มีความน่าสนใจอันหนึ่งคือสวิตเซอร์แลนด์มีภาษีค่อนข้างต่ำท่ามกลางประเทศพัฒนาแล้ว
ภาษีในสวิตเซอร์แลนด์นั้นเริ่มต้นจาก 8.5% ไปถึง 10.0% จุดทำให้สวิตเซอร์แลนด์นั้นเป็นประเทศที่น่าลงทุนประเทศหนึ่งในโลก
ทำความรู้จักกับค่าเงิน CHF
ไม่นานมานี้ ฝรั่งเศส เบลเยี่ยม และลักเซมเบิร์ก ยังใช้สกุลเงินเป็นฟรังค์อยู่ จนกระทั่งพวกเขาเข้าร่วมกลุ่มสหภาพยุโรป ตอนนี้สวิตเซอร์แลนด์นั้นเป็นประเทศเดียวที่ใช้ฟรังค์ ซึ่งเรียกว่า ฟรังค์สวิส หรือเป็นที่รู้จักกันในนามของ สวิสซี่
ต้องขอบคุณในความเป็นกลางของสวิตเซอร์แลนด์ ...
สวิตเซอร์แลนด์เป็นประเทศที่มีความเป็นกลางมากที่สุดเนื่องจาก กฎหมายของธนาคาร ทำให้ CHF นั้นเป็นค่าเงินที่มั่นคงอีกค่าหนึ่ง ช่วงเวลาที่เศรษฐกิจนั้นเผชิญหน้ากับความไม่แน่อนน นักลงทุนจะเคลื่อนย้ายเงินทุนของเขา และทำให้ CHF มีมูลค่าสูงขึ้น
ฉันติดกับโลหะเรืองแสง !
ไม่เพียงที่ปฏิเสธจะเข้าร่วมกับกลุ่มสหภาพยุโรปเท่านั้น แต่พวกเขายังเป็นประเทศที่ยังยึดมาตรฐานทองคำเป็นที่ตั้ง
ซึ่งพวกเขาสำรองทองคำเป็น 25 % ของเงินสำรองในประเทศ และทำให้ค่าเงิน CHF นั้นเกี่ยวข้องกับราคาทองคำถึง 80% นั่นหมายความว่าถ้าราคาทองคำขึ้น ค่าเงิน CHF ก็จะได้ประโยชน์ไปด้วย
เครื่องบ่งชี้ทางเศรษฐกิจที่สำคัญ ของ CHF
GDP – ผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาตินั้นเป็นเครื่องมือบอกมูลค่าสินค้าบริการต่างๆ ซึ่งรายงาน จะทำให้ค่าเงินเกิดการเปลี่ยนแปลงไปจากช่วงเวลาปกติ
Retail sales – รายงานยอดขายปลีก และบอกการเปลี่ยนแปลงยอดขายปลีกรายเดือน
Consumer Price Index (CPI) – ดัชนีราคาสินค้าอุปโภคบริโภค หรือ CPI นั้นบอกถึงการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าและบริการ และจะถูกจับตามองโดย SNB เพื่อใช้ในการตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายควบคุมเงินเฟ้อ
Balance of Trade – ยอดดุลการค้านั้นบอกความแตกต่างระหว่างการส่งออกและการนำเข้าจากประเทศอื่น ๆ ซึ่งสวิตเซอร์แลนด์นั้นมีอุตสาหกรรมการส่งออกที่รุ่งเรือง ดังนั้น นักเทรดมักจะใช้ดุลการค้าในการวัดสภาพเศรษฐกิจ
อะไรทำให้ CHF เคลื่อนไหว
ราคาทอง
อย่างที่ได้บอกไว้ก่อนหน้านี้ ค่าเงิน CHF นั้นมีความสัมพันธ์กับราคาทองคำถึง 80% เมื่อค่าเงินของสวิสฯ นั้นมีทองคำหนุนหลังอยู่ถึง 25% เมื่อราคาทองคำสูงขึ้น ทำให้ค่าเงินแข็งค่าขึ้นเช่นกัน และในทางกลับกันเมื่อราคาทองลดลง ค่าเงินก็จะอ่อนค่าลงเช่นกัน
การพัฒนาในภาคพื้นยุโรปและสหรัฐฯ
หลังจากที่สวิตเซอร์แลนด์นั้นเป็นประเทศส่งออกนั้น การพัฒนาทางเศรษฐกิจนั้นมาจากการส่งออกไปยังประเทศ กลุ่มภาคพื้นยุโรป และสหรัฐฯ ซึ่งประเทศคู่ค้ามีดังนี้ เยอรมัน (21.2%), ฝรั่งเศส (8.2%), อิตาลี (7.9%), และออสเตรีย (4.5%)
ขณะที่สหรัฐฯ นั้นมีมูลค่าการนำเข้าจากสวิตเซอร์แลนด์ เท่ากับ 8.7% เมื่อเกิดเศรษฐกิจถดถอยในประเทศเหล่านี้ทำให้สวิสแลนด์ย่อมส่งออกได้น้อย
Sortin' Out the Rough Edges
ความวุ่นวายในประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงของยุโรป ทำให้นักเทรดต้องมาพึ่งค่าเงินสวิส
จำไว้ว่า สหภาพยุโรปนั้นประกอบไปด้วย 16 ประเทศ และมีนโยบายการเงินแบบกลุ่ม
ซึ่งถ้าเศรษฐกิจของประเทศสมาชิกนั้นแตกต่างกัน ECB นโยบายของธนาคารกลางยุโรปก็จะไม่สนองตอบความต้องการของชาติแค่ชาติเดียว ในช่วงเวลานั้น
ปัจจัยอื่น ๆ
USD/CHF เป็นค่าเงินที่ก็ได้รับผลกระทบเหมือนกันเช่นกับค่าเงินอื่น ๆ เมื่อธนาคารกลางยุโรปนั้นขึ้นดอกเบี้ย ก็จะทำให้ค่าเงินสวิส อ่อนเมื่อเทียบกับค่าเงินอื่นๆ เช่น USD/CHF
การรวมกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
อุตสาหกรรมทางเศรษฐกิจนั้นเกี่ยวกับการธนาคารและการเงิน การรวมหรือการเข้าซื้อหรือควบรวมกิจการของบริษัทนั้นค่อนข้างเป็นเรื่องธรรมดา
แล้วมันกระทบกับราคา CHF ได้อย่างไร ?
ตัวอย่างเช่น ถ้าบริษัทต่างชาติต้องการที่จะทำธุรกิจในสวิตเซอร์แลนด์ จะต้องใช้เงิน CHF อีกทางหนึ่ง ถ้าธนาคารสวิสฯ ต้องการซื้อบริษัทสหรัฐฯ จะต้องขายค่าเงิน CHF และซื้อเงินดอลล่าร์เข้ามา
การเทรด USD/CHF
USD/CHF จะถูกเทรดเป็น USD Standard lot เท่ากับ $100,000 ขณะที่ mini lot เท่ากับ $10,000
มูลค่าต่อจุด ซึ่งจะคิดเป็น CHF และถูกแบ่งเป็นจุด (0.0001) โดยเป็นไปตามอัตราแลกเปลี่ยน USD/CHF
กำไรและขาดทุนนั้นเป็นสวิสฟรังค์ สำหรับ standard lot มีมูลค่า 1 จุดเท่ากับ 10 CHF สำหรับ mini lot เท่ากับ 1 CHF เพื่อให้เข้าใจง่าย สมมติ USD/CHF เท่ากับ 1.0600 และถ้าคุณต้องการเทรด 1 standard lot ซึ่งหนึ่งจุดจะเท่ากับ 9.4340 USD
การคำนวณมาร์จิ้น จะใช้เป็นเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ ที่ leverage 100:1 คุณต้องใช้เงิน $1,000 ในการถือ order มูลค่า 100,000 USD/CHF
เทคนิคการเทรด USD/CHF
ค่าเงินสวิส (USD/CHF และ EUR/CHF) นั้นจะมีการเทรดกันมากในช่วง เวลายุโรป ซึ่งทั้งคู่นั้นจะค่อนข้างแกว่งตัวสูง ซึ่งไวต่อความเปลี่ยนแปลงและอารมณ์ตลาด
อย่างที่เราพูดก่อนหน้านี้ SNB นั้นค่อนข้างฉลาดที่รู้มั้ย...อร่อยค่าเงินของสวิสฟรังค์อยู่ตลอด พวกเขาจะแทรกแทรงตลาดเพื่อให้ CHF นั้นอ่อนค่า เมื่อมันเริ่มเข้าสู่จุดที่พวกเขาคิดว่ามันแข็งค่าเกินไป
ตัวอย่าง ถ้า USD/CHF นั้นร่วงไปจนถึงจุดต่ำสุดของปีเนื่องการการที่มีความเสี่ยงในสินทรัพย์อื่น ๆ SNB จะเข้าแทรกแทรงตลาดทันทีเพื่อให้ค่าเงินกลับขึ้นมา
คุณสามารถเทรดค่าเงินสวิสโดยการดูพื้นฐานของประเทศคู่ค้าในยุโรป ซึ่งถ้าข่าวหรือว่าสภาพการเมืองในยุโรปอยู่ในความวุ่นวายผู้คนก็จะนำเงินกลับมาลงทุนในค่าเงินสวิสฟรังค์
ค่าเงินอื่นเช่น EUR/CHF สมมติว่า ECB นั้นขึ้นดอกเบี้ย ย่อมทำให้ EUR/CHF แต่ประโยชน์นั้นย่อมทำให้ประโยชน์ตกไปที่ USD/CHF ด้วย
